จับตาขัดแย้งขยายวง ไบเดนต้านรัสเซียต่อ

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้มีการจัดหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine) ให้แก่ยูเครน ซึ่งอาจช่วยให้รัสเซียรุกคืบเข้าสู่ดินแดนทางตะวันออกได้ช้าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ที่สหรัฐฯ จัดหาให้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐฯ ได้จัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านรถถังให้กับยูเครนตลอดระยะเวลาการสู้รบกับรัสเซีย แต่การจัดหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพิ่มเติมดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อชะลอการเคลื่อนพลของทหารราบรัสเซีย

เจ้าหน้าที่ชี้ว่า ทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ แตกต่างจากของรัสเซีย โดยทุ่นระเบิดของสหรัฐฯ เป็นแบบ "ไม่ถาวร" และระเบิดจะด้านหลังจากพ้นเวลาที่กำหนด ทั้งยังต้องใช้แบตเตอรี่ในการจุดชนวน และจะไม่ระเบิดหากแบตเตอรี่หมด

ด้าน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวในวันอังคาร (19 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า ถึงเวลาแล้วที่เยอรมนีต้องให้การสนับสนุนศักยภาพด้านการโจมตีพิสัยไกลของยูเครนเพื่อสู้ศึกรัสเซีย โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีแถลงข่าวร่วมกับเมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ที่กรุงเคียฟ ว่า ผมคิดว่าหลังจากที่มีแถลงการณ์เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ถึงเวลาแล้วที่เยอรมนีต้องสนับสนุนการตัดสินใจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ 

อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูตินเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายกฯ เยอรมนีมีความลังเลที่จะจัดหาขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล Taurus ให้กับยูเครนมาโดยตลอด ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับยูเครน

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีเซเลนสกี มีขึ้นในขณะที่แหล่งข่าวของทางการยูเครนยืนยันว่า กองทัพยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จัดหาให้ในการโจมตีคลังอาวุธในแคว้นบรีอันสค์ของรัสเซียเมื่อวันอังคาร

หลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุใบทวิเคราะห์ว่า แม้วานนี้ (19 พ.ย.) ราคาน้ำมันดิบน้ำมันเบรนท์ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) จะปรับตัวขึ้นไม่แรงมากนักราวร้อยละ 0.01 และ ร้อยละ 0.33 ตามลำดับ โดยปิดที่ระดับ 73.3 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 69.4 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งสาเหตุหลักคงมาจากความกังวล ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น หลังยูเครนเปิดฉากยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS จากสหรัฐครั้งแรก โจมตีแคว้นไบรอันค์ของ

รัสเซีย ขณะที่ฝั่งรัสเซียตอบโต้กลับ 

อย่างไรก็ตามในเชิงกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย เอเซียพลัสมองว่ายังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น ได้แก่หุ้นกลุ่มพลังงาน – ปิโตรฯ อย่าง PTTEP, PTT, TOP, PTTGC, IVL, IRPC, BSRC, SPRC และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH ที่ถูกมองเป็นหุ้นหลบภัย