สรุปข่าว
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย จากข้อมูลยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งมีสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์อยู่ไม่กี่สินทรัพย์จากภาวะที่ตลาดหุ้นปรับลดลง หนึ่งในนั้น คือ ค่าเงินที่แข็งค่า และตลาดหุ้นที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้น้อยมากคือ ตลาดหุ้นอินเดีย นอกจากนี้ ตราสารหนี้ภาครัฐก็กลับมาเป็นพระเอก เช่นเดียวกับทองคำที่กลายมาเป็นหลุมหลบภัย
สำหรับทองคำในสถานการณ์นี้จะเป็นหลุมหลบภัยได้ดีขนาดไหนนั้น มองว่าถ้าดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐ(เฟด) ปรับลดลง ทองคำจะเป็นหลุมหลบภัยได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยจริงๆ ทองคำอาจถูกแรงกดดันจากการถูกมองเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) เพราะถ้าเศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอยคนจะไม่ซื้อ commodities เก็บไว้ เพราะนักลงทุนจะระมัดระวังตัวสูง มักจะไม่ซื้อ commodities จะถือเงินสดมากกว่า เนื่องจากราคา commodities มีโอกาสปรับลงได้จากความผันผวนที่สูง ยกเว้นดอกเบี้ยลงเฉยๆ เศรษฐกิจไม่ถดถอยเป็นภาพของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างช้าๆ (Soft Landing) ของสหรัฐฯ ทองคำน่าจะได้รับประโยชน์
ทั้งนี้ หากดูจากราคาทองคำที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากในเดือนก.พ.และมี.ค.ที่ผ่านมา เป็นผลจากเงินเฟ้อที่ปรับตัวลงมาและธนาคารกลางมีโอกาสลดดอกเบี้ย สะท้อนจากที่ตลาดคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงราว 5 ครั้งในปีนี้ ที่เหลือการประชุม 3 ครั้ง หรือ รวมแล้วลดลงร้อยละ 0.5 จำนวน 2 ครั้ง และลดอีกร้อยละ 0.25 ในปลายปี ซึ่งภาพนี้หากดอกเบี้ยลงทองคำมีโอกาสปรับขึ้น ซึ่งจุดสูงสุดในปีนี้อยู่ที่ 2,496 ดอลลาร์ /ออนซ์ โอกาสอาจผ่านไม่ได้ ยกเว้นกรณีเดียว คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำท่าถดถอย แต่ไม่ได้ถดถอยลงมาในทันทีจนทำให้เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ซึ่งกรณีนี้มีโอกาสที่ทองคำจะขึ้นไปได้เกินกว่สจุดสูงสุดเดิม ที่ระดับแถวๆ 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ เกินกว่านี้เป็นไปได้อยากแล้ว เพราะถ้าเกินอาจแปลว่าเศรษฐกิจถดถอย ส่วนแนวรับด้านล่างของทองคำถ้าภาพการลดดอกเบี้ยลดลงไม่ได้มากอยากที่พูดอาจเห็นทองคำย่อลงมาที่ 2,360 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนคำแนะนำการลงทุนในจังหวะนี้ ถ้าดอกเบี้ยลดลงได้ควรลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี ที่ปรับขึ้นมาสูงและเสี่ยงจะถูกเทขายทำกำไรควรลดการถือ เพื่อแรงขายทำกำไรลงมาก่อน รวมทั้งลดการถือในหุ้นกลุ่มสินค้าวัฏจักรอย่างสินค้าฟุ่มเฟือยด้วย แล้วปรับมาถือลงทุนในตราสารหนี้หลัก ส่วนการลงทถนในทองคำควรถือลงทุนอย่างน้อยร้อยละ 10-15 ของพอร์ต
ที่มาข้อมูล : -