
สำนักข่าว The New York Times รายงานว่า ในการเจรจาร่วมกันครั้งแรกระหว่างตัวแทนสหรัฐฯ และชาตินาโต ในที่ประชุมความมั่นคงมิวนิก หรือ Munich Security Conference ระหว่าง 14-16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บ่งชี้ให้เห็นถึงความแตกแยกครั้งใหญ่ของพันธมิตรโฃกตะวันตก
เมื่อพีธ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯจะถอนกำลังทหารหลายหมื่นนายออกจากยุโรป แต่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่า เท่าใด และเมื่อใด?
อีกทั้งกังวลว่าการหารือแบบตัวต่อตัวระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีปูติน ที่อาจมีขึ้นเร็ว ๆ นี้นั้น ทรัมป์อาจตอบตกลงในเงื่อนไขที่อาจทำให้มอสโกสามารถครอบครองพื้นที่ 1 ใน 5 ของยูเครนได้ อีกทั้งยังอาจได้พื้นที่ส่วนที่เหลือในอีกไม่กึ่ปีข้างหน้าด้วย เพราะชาติตะวันตกเชื่อว่า เป้าหมายใหญ่ที่สุดของปูติน ก็คือ การทำลายพันธมิตรนาโต

สรุปข่าว
ความกังวลเหล่านั้น แสดงให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในที่ประชุมความมั่นคงมิวนิคเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อประธานาธิบดีเซเลนสกี ประกาศว่า "ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงใด ๆ ที่ทำเบื้องหลังเรา" และเรียกร้องให้มีการก่อตั้ง "กองทัพแห่งยุโรป" ซึ่งรวมถึงกองกำลังของยูเครนที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน โดยเป็นกองกำลังที่จะสามารถตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องอาศัยอิทธิพล หรือการควบคุมทางการทหารจากอเมริกา
เซเลนสกีประเมินว่า ปูติน อาจครอบงำทรัมป์ในเร็ววัน และคาดว่าผู้นำรัสเซียอาจเชิญประธานาธิบดีสหรัฐฯไปร่วมฉลองครบรอบ 80 ปี ชัยชนะเหนือนาซีเยอรมัน ซึ่งเซเลนสกี ระบุว่า ปูตินจะพยายามทำให้ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไปยืนอยู่ที่จัตุรัสแดง ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ .. ไม่ใช่ในฐานะผู้นำที่เคารพ.. แต่ในฐานะ "ตัวประกอบหนึ่งของตัวปูตินเอง"
ไม่เพียงเท่านี้ เซเลนสกี ยังได้หารือกับรองประธานาธิบดีเจ ดี แวนซ์ ของสหรัฐฯ ที่มิวนิคด้วย เซเลนสกีกล่าวว่า ข้อเสนอของสหรัฐฯที่ ไม่มีการรับประกันเรื่องความมั่นคงให้กับยูเครน จะยิ่งทำให้รัสเซียพยายามแทรกแซงที่อื่นอีก - เนื่องจากสิ่งสำคัญที่ยูเครนต้องการที่สุด นั่นคือการรับประกันด้านความมั่นคง เพราะยูเครนเชื่อว่าสหรัฐฯ และอังกฤษล้มเหลวที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีในการปกป้องประเทศภายใต้ข้อตกลงที่ลงนามหลังสิ้นสุดสงครามเย็น เมื่อยูเครนยอมสละอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียในดินแดนของตน
ขณะที่คีธ เคลล็อก ทูตพิเศษของทรัมป์ ประจำยูเครน กล่าวในที่ประชุมความมั่นคงมิวนิค เมื่อวันเสาร์ว่า จะไม่มีชาติยุโรปได้รับเชิญร่วมวงเจรจาสันติภาพยูเครน ซึ่งมีสหรัฐฯ นั่งเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน
ด้านนักการทูตยุโรป กล่าวว่า การเจรจากของสหรัฐฯ มีกลิ่นอายของลัทธิอาณานิคม, เป็นยุคแห่งการเอารัดเอาเปรียบ เมื่อมีการใช้ประเทศที่มีขนาดเล็กกว่ามาเป็นหมากต่อรอง
และเป็นไปดังคาด เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่ง ความสัมพันธ์ของชาตินาโตก็เริ่มตึงเครียด - ซึ่ง จีแอน ซาฮีน วุฒิสมาชิกเดโมแครตรัฐนิวแฮมเชียร์ ระบุว่า คำพูดของพีธ เฮกเซธ และเจดี แวนซ์ ในสัปดาห์นี้ รุนแรงมากกว่าสมัยของอดีตประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เสียอีก และมีเป้าหมายในการสร้างความแตกแยกมากกว่าก่อนด้วย
ที่มาข้อมูล : New York Times
ที่มารูปภาพ : Reuters

Natnicha Nijpol
(Natnicha)