ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวานนี้ (13 มีนาคม) ว่า เขาจะไม่เปลี่ยนใจเกี่ยวกับการขึ้นภาษีตอบโต้ต่อประเทศคู่ค้าทั้งหมดในวันที่ 2 เมษายนนี้ โดยทรัมป์กล่าวระหว่างประชุมกับมาร์ก รูตเต เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาว ว่า เราถูกเอารัดเอาเปรียบมานานหลายปี และเราจะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้อีก
ทรัมป์ยังได้ปกป้องการใช้มาตรการทางภาษีศุลกากรของเขา แม้จะเกิดความผันผวนในตลาดหุ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ และให้คำมั่นว่านักลงทุนจะเห็นผลกำไรในที่สุดจากการนำเงินไปลงทุนตอนนี้
ทรัมป์ย้ำว่า “สหภาพยุโรปนั้นเลวร้ายมาก พวกเขาฟ้องร้อง Google, Facebook, และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย และพวกเขาก็เอาเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากบริษัทอเมริกัน” ทรัมป์บอกด้วยว่า Facebook จะลงทุน 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้
สรุปข่าว
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังเดินหน้าเล่นงานยุโรปต่อเนื่อง โดยขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดจากยุโรปขึ้นเป็น 200 เปอร์เซ็นต์ หากสหภาพยุโรป หรืออียู ไม่ยอมยกเลิกแผนเก็บภาษีวิสกี้ของสหรัฐฯ
ผู้นำสหรัฐฯ แสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นอีกในโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ ทรูธโซเชียล (Truth Social) ของเขาเมื่อวานนี้ ว่า “สหภาพยุโรป หนึ่งในผู้มีอำนาจเรียกเก็บภาษีที่ร้ายกาจและไม่เป็นมิตรที่สุดในโลก และจัดตั้งขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียว นั่นคือ การเอาเปรียบสหรัฐอเมริกา เพิ่งสั่งเก็บภาษีร้อยละ 50 สำหรับวิสกี้”
รอยเตอร์รายงานโดยอ้างข้อมูลจากหน่วยงานสถิติ Eurostat ของอียูว่า ไวน์จากยุโรปที่ส่งมาจำหน่ายในสหรัฐฯ นั้นมีมูลค่าราว 4,900 ล้านยูโร (ประมาณ 5,276 ล้านดอลลาร์) ในปีที่แล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29 ของการส่งออกไวน์ทั้งหมด ขณะที่ ไวน์จากฝรั่งเศสถือครองส่วนแบ่งเกือบครึ่งหนึ่งและของอิตาลีได้ส่วนแบ่งเกือบร้อยละ 40 ของไวน์จากอียูที่ส่งมาสหรัฐฯ
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า จะยุติการระงับภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ในวันที่ 1 เมษายน และจะกลับมาเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าทุกรายการภายใน 13 เมษายนด้วย
Natnicha Nijpol
(Natnicha)