
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าขึ้นภาษีต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวานนี้ (11 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น มีรายงานว่าทรัมป์สั่งขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม “ทั้งหมด” จาก “ทุกประเทศ” ที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ 25 เปอร์เซ็นต์ โดยทรัมป์กล่าวกับกลุ่มซีอีโอในที่ประชุมโต๊ะกลมทางธุรกิจว่าการขึ้นภาษี “อาจสูงขึ้นอีก” แต่มันจะช่วยสร้างงานในโรงงานของสหรัฐฯ ยิ่งกำแพงภาษีสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ชาวอเมริกันก็จะยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น
ทรัมป์กล่าวด้วยว่าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการที่พวกเขาย้ายแหล่งผลิตเข้ามาในสหรัฐฯ และในที่สุดภาษีศุลกากรจะมอบเงินจํานวนมามหาศาลมาให้กับประเทศ ขณะที่คำประกาศล่าสุดของทรัมป์สร้างความปั่นป่วนในตลาดหุ้นอีกครั้ง รวมไปถึงและสร้างความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ไม่เพียงเท่านี้แต่ยังถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ที่จะมีการบังคับใช้ภาษีศุลกากรกับทุกประเทศทั่วโลก

สรุปข่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ทรัมป์เพิ่งประกาศเพิ่มภาษีสินค้าประเภทเหล็กจากแคนาดาเป็น 50 เปอร์เซ็นต์เพื่อตอบโต้ที่ทางการรัฐออนแทริโอประกาศขึ้นค่าไฟลูกค้าชาวอเมริกัน แม้ว่าในเวลาต่อมาทางการรัฐออนแทริโอจะยอมถอยความพยายามในการขึ้นค่าไฟดังกล่าวเป็นการชั่วคราวแล้วก็ตามและเพราะเหตุนี้สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานว่าทรัมป์ยอมเปลี่ยนใจอีกครั้งที่จะคงภาษีเหล็กและอลูมิเนียม จากแคนาดาให้อยู่ที่อัตราเดิมคือ 25 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว CNN รายงานว่า “จีน” จะเป็นประเทศเดียวที่อลูมิเนียมและเหล็กจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นเพราะสหรัฐฯ ได้บังคับเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าทุกประเภทจากจีน 20 เปอร์เซ็นต์ไปก่อนหน้าแล้ว ทําให้อัตราภาษีสำหรับเหล็กและอลูมิเนียมจากจีนจะถูกคิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสหรัฐฯ นำเข้าเหล็กจากจีนโดยตรงน้อยมากแม้ว่าจีนจะเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลกก็ตาม แต่มันมักจะถูกนำเข้ามาในรูปแบบของสินค้ามือสองอย่างการที่เหล็กบางส่วนถูกซื้อจากต่างประเทศและจัดส่งใหม่ไปยังสหรัฐฯ เป็นต้น

Natnicha Nijpol
(Natnicha)