ทรัมป์และสตาร์เมอร์ ประชุมร่วมกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) เป็นการหารือแบบพบหน้ากันครั้งแรกของสองผู้นำตั้งแต่ทรัมป์ ปรับเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับยูเครน, ตะวันออกกลางและการค้าโลก โดยสตาร์เมอร์ เป็นผู้นำยุโรปคนที่ 2 ที่ประชุมร่วมกับทรัมป์ในสัปดาห์นี้ หลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เพิ่งเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่ชัดเจนเกี่ยวกับสงครามรัสเซียกับยูเครน และการผลักดันของสหรัฐฯ ให้หยุดยิงโดยเร็ว
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดินทางถึงทำเนียบขาวในช่วงบ่ายวานนี้ ซึ่งเขาได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ประตูทางเข้าทางตะวันตกของทำเนียบขาว ก่อนประชุมกันและแถลงข่าว เมื่อถูกนักข่าวถามว่า สหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครนได้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "ได้ เราจะทำ"
ทรัมป์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา สร้างความงุนงงให้กับพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ ในยุโรป ด้วยการหันไปใกล้ชิดกับรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย พร้อมทั้งเรียกประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ว่าเป็น "เผด็จการ" และเรียกร้องการตอบแทนการสนับสนุนทางการเงินของสหรัฐฯ ต่อยูเครนด้วย
สรุปข่าว
ส่วนเซเลนสจะเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันในวันนี้ (ศุกร์) เพื่อลงนามในข้อตกลงกับทรัมป์เกี่ยวกับสินแร่หายาก ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ผู้นำยูเครนกล่าวว่า จะขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ส่วนทรัมป์ มองว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นหนทางที่จะชดเชยให้สหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯ ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อสนับสนุนยูเครน แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่มีการรับประกันด้านความมั่นคงเฉพาะเจาะจงสำหรับยูเครน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สตาร์เมอร์เรียกร้องให้สหรัฐฯ สนับสนุนด้านความมั่นคงให้กับกองกำลังยุโรปที่เข้าร่วมบทบาทการรักษาสันติภาพในยูเครน โดยกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ยูเครนมีสันติภาพที่ยั่งยืน แทนที่จะเป็นการหยุดความรุนแรงชั่วคราว
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ตอบรับคำเชิญจากสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ แห่งราชวงศ์อังกฤษ ให้เดินทางเยือนอังกฤษอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ทรัมป์เป็นผู้นำทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกในยุคสมัยใหม่ที่ได้รับเกียรติจากกษัตริย์อังกฤษ เชิญให้เยือนแบบรัฐพิธีถึง 2 ครั้ง โดยสตาร์เมอร์ ได้มอบเทียบเชิญจากสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ระหว่างการแถลงข่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาว ซึ่งทรัมป์ก็รับคำเชิญ แต่ยังไม่มีการกำหนดวันเยือนอังกฤษ
Natnicha Nijpol
(Natnicha Nijpol)