โลกร้อนทะลุเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส

ระดับก๊าซที่ทำให้โลกร้อนเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในขณะนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% หากเทียบกับยุคก่อนที่มนุษย์จะเริ่มใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยกรมอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ หรือ Met เปิดเผยว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้ จะทำให้เราไม่สามารถยับยั้งภาวะโลกร้อนที่มีเป้าหมายไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ กว่า 200 ประเทศตั้งเป้าร่วมกันในการประชุมที่ปารีสเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เมื่อปี 2015

โลกร้อนทะลุเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส

สรุปข่าว

เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเพิ่งยืนยันว่า ปี 2024 ที่ผ่านมา เป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา และเป็นปีแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส หากเทียบกับยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม


อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ ไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลวที่จะบรรลุเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพราะเป้าหมายที่ตั้งไว้คือค่าเฉลี่ยในระยะเวลาหลายสิบปี แต่ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ซึ่งการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ต้องลดระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศอย่างเร่งด่วน แต่ในความเป็นจริง กลับตรงกันข้าม เพราะมนุษย์ยังคงใช้พลังงานจากการเผาถ่านหิน ขุดเจาะน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ตัดต้นไม้ ซึ่งล้วนเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น ไฟป่า ทำให้ป่าไม้ถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ซึ่งป่าคือพื้นที่ที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่าครึ่งหนึ่งที่เราปล่อยออกไป เมื่อป่าไม้ถูกทำลายมากขึ้นจึงทำให้ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนับจากนี้ไป ยังพอมีเวลา ถ้าหากทั่วโลก โดยเฉพาะชาติที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หันมาลดการใช้พลังงานจากถ่านหิน ลดการใช้น้ำมัน มาใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกมากขึ้น เราก็ยังอาจจะช่วยลดภาวะโลกร้อน ให้อุณหภูมิโลกลดลงมาตามเป้าหมายได้ทัน

ที่มาข้อมูล : BBC

ที่มารูปภาพ : TNN World

แท็กบทความ

โลกร้อน
ภัยธรรมชาติ
มลพิษ
อากาศ
สภาพอากาศ
ก๊าซคาร์บอน