คาเมรอน จอห์นสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านห่วงโซ่อุปทาน ออกมาระบุในวันนี้ (24 มกราคม) ว่า กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตราร้อยละ 10 นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากจะเป็นการวางรากฐานสำหรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
นับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้พูดถึงการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนร้อยละ 10 โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากจีนได้ส่งยาเฟนทานิลเข้าสหรัฐฯ ผ่านทางเม็กซิโกและแคนาดา แต่ทรัมป์ก็ยังไม่ได้เรียกเก็บภาษีในทันทีตามที่เคยให้สัญญาไว้ระหว่างหาเสียง ดังนั้น จอห์นสันจึงเชื่อว่า การเรียกเก็บภาษีจากจีนจะไม่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานออกจากจีน เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานในจีนมีความยืดหยุ่นมากกว่าสหรัฐฯ ในช่วงเวลานี้
จอห์นสัน มองว่า สหรัฐฯ กำลังใช้การขึ้นภาษีเป็นการส่งสัญญาณไปทางจีนว่า ปัญหาเรื่องยาเฟนทานิล เป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับเรา ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ มีชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากยาเฟนทานิลในช่วงอายุ 18 ถึง 50 ปี มากกว่าเหตุการณ์อื่น ๆ แทบจะทั้งหมด จึงถือเป็นปัญหาร้ายแรงที่สหรัฐฯ ต้องเร่งแก้ไข
นอกจากนี้ การเลื่อนระยะเวลาเก็บภาษีจีนออกไป และไม่ได้มีการกล่าวถึงจีนในฐานะภัยคุกคามโดยตรง ก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มองหาผลประโยชน์ร่วมกัน แทนที่จะสร้างความเสียหายแก่อีกฝ่าย
สรุปข่าว