สรุปข่าว
ทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน ยื่นร้องเรียนคณะกรรมการเลือกตั้งแห่งชาติสหรัฐฯ (Federal Election Commission : FEC) ว่า พรรคแรงงานของสหราชอาณาจักร แทรกแซงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการช่วยทีมหาเสียงของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครประธานาธิบดีพรรคเดโมแครต
ในคำร้องเรียนอ้างรายงานข่าวในหลายสื่อ การติดต่อระหว่างพรรคแรงงานกับทีมหาเสียงของแฮร์ริส หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า มีการพบกันส่วนตัวระหว่าง 2 ฝ่ายในระดับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค พรรคแรงงานทำงานอาสาสมัครให้แก่ทีมแฮร์ริส นับเป็นการแทรกแซงจากต่างประเทศต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการที่ทีมหาเสียงของแฮร์ริสยอมรับความช่วยเหลือจากพรรคแรงงานนั้น เข้าข่ายเป็นการรับบริจาคจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย
ส่วนเว็บโซเชียล มีเดีย LinkedIn มีการโพสต์ข้อความว่า สมาชิกพรรคแรงงานทั้งอดีตและปัจจุบันเกือบ 100 คน กำลังจะเดินไปยังรัฐสมรภูมิต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ผู้โพสต์คือหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคแรงงาน ‘โซเฟีย พาเทล’ แต่โพสต์นี้ถูกลบไปแล้ว
ตามกฎของคณะกรรมการเลือกตั้งสหรัฐฯ หรือ FEC ชาวต่างชาติสามารถเป็นอาสาสมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้ ตราบใดที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน
ส่วนการที่สมาชิกพรรคแรงงานของสหราชอาณาจักรจะติดต่อกับพรรคการเมืองในสหรัฐฯ เป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้ พรรคอนุรักษนิยมของสหราชอาณาจักรก็ติดต่อกับพรรครีพับลิกันของทรัมป์เช่นกัน
ขณะที่ทั้งทีมหาเสียงแฮร์ริสและพรรคแรงงานของสหราชอาณาจักรยังไม่มีปฏิกิริยาใด
ฝ่ายรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และผู้สมัครประธานาธิบดีพรรคเดโมแครต ไม่ได้เดินสายหาเสียงเมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) แต่เธอไปให้สัมภาษณ์พิเศษเอ็นบีซี นิวส์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
แฮร์ริสกล่าวว่า เธอหวังจะยุติความแตกแยกทางอุดมการณ์และเชื้อชาติ ที่กลายเป็นลักษณะของการหาเสียงทางการเมืองในสหรัฐฯ ไป และผู้มีสิทธิ์ออกเสียงต้องการประธานาธิบดีที่มีแผนลดค่าครองชีพ
ทั้งนี้ แฮร์ริสเป็นหญิงชาวอเมริกันผิวดำและมีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรก ที่ได้เป็นผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แฮร์ริสย้ำในการให้สัมภาษณ์ว่า ฐานเสียงที่สนับสนุนเธอมีความหลากหลาย ซึ่งรวมถึงการที่ได้ ‘ลิซ เชนีย์’ อดีตวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน มาช่วยเธอหาเสียงด้วย ในฐานะที่เชนีย์เป็น ‘เพื่อนผิวขาวหนุนแฮร์ริส’ เชนีย์สามารถช่วยระดมทุนหาเสียงได้ 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว 125 ล้านบาทภายในเวลา 3 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน Zoom
สำหรับผลสำรวจความนิยม 6 วันล่าสุดโดยรอยเตอร์ส/อิปซอส ที่เพิ่งปิดการสำรวจไปเมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) พบว่า แฮร์ริสนำทรัมป์ 46% ต่อ 43% แทบไม่ต่างจากผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แฮร์ริสนำทรัมป์ 45% ต่อ 42% ซึ่งแสดงว่าเหลืออีกเพียง 2 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 พฤศจิกายน แต่การแข่งขันระหว่างแฮร์ริส-ทรัมป์ยังคงสูสีมาก
ที่มาข้อมูล : -