ตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์เป็นต้นไป บริษัทจดทะเบียนในบ้านเรา จะเริ่มทยอยประกาศปันผลมากขึ้น ซึ่งจังหวะนี้เอง เป็นอีกหนึ่งโอกาสและทางเลือกของนักลงทุน ที่ต้องการลดความผันผวนของพอร์ต เพราะยังมีเงินปันผลเป็นแต้มต่อ แถมยังมีโอกาสลุ้น Capital gain ในกรณีที่ราคาหุ้นรีบาวด์กลับด้วย และเพื่อไม่ให้เสียโอกาส วันนี้ เราจึงมีคำแนะนำในการเลือกหุ้นปันผลมากฝาก
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่าบริษัทจดทะเบียนไทยที่ประกาศจ่ายเงินปันผลในช่วงเดือน เมษายน - พฤษภาคม 2568 มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 210,000 ล้านบาท และจากข้อมูลดังกล่าว ยังพบว่าบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ จะจ่ายเงินปันผลสูงที่สุดในช่วง 16 - 18 เมษายน คิดเป็นมูลค่ารวม 77,000 ล้านบาท นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาทิเช่น SCB KTB และ KBANK ซึ่งจ่ายเงินปันผลรวมสูงถึง 69,000 ล้านบาท ส่วนในช่วง 5 - 9 พฤษภาคม 2568 จะมีการจ่ายเงินปันผลรวมอีก 64,000 ล้านบาท จากทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เกษตรและบริการ
จากข้อมูลข้างต้น มาดูในแง่สถิติกันต่อ ซึ่งเมย์แบงก์ฯ ให้ข้อมูลว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของดัชนี SETHD ในช่วงก่อนขึ้น XD มักให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554 ถึง ปี 2567 หรือ 13 ปีย้อนหลัง พบว่าดัชนี SETHD ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในช่วงก่อนที่จะขึ้น XD โดยเฉพาะในช่วง 30 วันก่อนขึ้น XD พบว่าดัชนี SETHD มีผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 และหากพิจารณาแยกย่อยในช่วงเวลาดังกล่าว จะพบว่าในช่วง 15 วันแรกก่อนขึ้น XD จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1 ขณะที่ช่วง 14 วันสุดท้ายก่อนขึ้น XD จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2 ซึ่งจากสถิติดังกล่าว แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมักเริ่มเข้ามาเก็งกำไรหุ้นปันผลก่อนขึ้น XD อย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนถึงวัน XD
สรุปข่าว
นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนของหุ้นรายตัวในดัชนี SETHD ช่วงเวลาเดียวกัน ก็พบว่าผลตอบแทนรายตัวมีความแตกต่างกันโดยกระจาย แต่สูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 5.8 โดยหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่:
- COM7 ที่ให้ผลตอบแทนบวกสูงสุดร้อยละ 5.8
- WHA ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 5.0
- BANPU ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 5.0
- KKP ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 4.3
- BAM ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 4.0
หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หุ้นเหล่านี้มีลักษณะร่วมกันบางประการ เช่น อัตราส่วน P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และ Dividend Yield สูงกว่าร้อยละ 5 ซึ่งเป็นลักษณะที่นักลงทุนสายปันผลให้ความสนใจเป็นพิเศษ และเมื่อพิจารณาในเชิงกลุ่มอุตสาหกรรม จะพบว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน, ธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว มักให้ผลตอบแทนก่อนขึ้น XD สูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยมีผลตอบแทนสูงกว่าร้อยละ 2 และมีความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าร้อยละ 50 ซึ่งตัวอย่างหุ้นที่มีคุณสมบัติข้างต้น ก็อย่างเช่น KKP BCP HMPRO TISCO BANPU SIRI AP และ PTT เป็นต้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่กล่าวทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการลงทุนเพื่อเก็งกำไรก่อนวันขึ้น XD โดยเฉพาะในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งปันผลสูงและราคายังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่งในแง่กลยุทธ์การลงทุน รอบนี้ ฝ่ายวิจัยฯ เลือก AP KKP และ HMPRO เป็นหุ้น Top picks ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเก็งกำไรก่อนขึ้น XD ด้วยอัตราเงินปันผลที่สูงและระดับ Valuation ในระดับที่น่าสนใจ ซึ่จะช่วยจำกัด Downside ในช่วงก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD
ทั้งนี้ ตามกำหนด หุ้น HMPRO จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 เมษายน , KKP ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 02 พฤษภาคม และ AP ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 07 พฤษภาคม 2568 ซึ่งการเก็งกำไรเพื่อรับปันผลและ Capital gain ต้องซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD
มาดูอีกหนึ่งข้อมูลเพิ่มเติม จากงานวิจัยฯ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ย้ำถึงการลงทุนในหุ้นปันผล ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนระยะยาว ซึ่งอ้างอิงจากผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่สูงถึงประมาณ 1.37 ถึง 2.48 เท่า ของอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 12 เดือน
ขณะที่หากพิจารณาผลตอบแทนของการเปลี่ยนแปลงของดัชนีในช่วง 5 ปีย้อนหลัง ที่ผ่านช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส (COVID-19) พบว่า SETHD Index ให้ผลตอบแทนดีกว่าทั้ง SET Index และ SET100
นอกจากเหนือไปจากนั้น ยังพบว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีล่าสุดของ 30 หลักทรัพย์ที่องค์ประกอบ SETHD Index เป็นบวกอยู่ที่ร้อยละ 5.58 โดยค่าเฉลี่ยฯ ดังกล่าว อยู่ในช่วงร้อยละ 2.45 และสูงสุดถึงร้อยละ 17.03 ขณะเดียวกัน ยังพบว่า 16 หลักทรัพย์จากทั้งหมด มี Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปี สูงกว่าร้อยละ 5 ต่อปี โดยมี Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปีอยู่ในช่วงร้อยละ 5.43 และสูงสุดถึงร้อยละ 17.03
ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้น จึงอาจสรุปได้ว่า ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ในระดับต่ำ การเลือกลงทุนในหุ้นปันผล ที่ขณะนี้ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุน โดยอาจเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ SETHD Index ที่เป็นหลักทรัพย์ที่สภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง หรือหากนักลงทุนไม่ต้องการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว ก็อาจพิจารณาเลือกลงทุนใน "กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF" (1DIV) ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลดีและสม่ำเสมอแทนได้