
ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ "มีความเสี่ยงสูง" ที่จะถูกกำหนดมาตรการ "ภาษีศุลกากรตอบโต้" จากสหรัฐอเมริกา ที่จะมีการประกาศออกมาในวันที่ 2 เมษายน 2568 โดยถูกระบุให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่รัฐบาลสหรัฐฯจับตามองเป็นพิเศษ ร่วมกับ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน สหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน ตุรกี อังกฤษ และเวียดนาม ซึ่งไทยเองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

สรุปข่าว
โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าประเทศดังกล่าวเป็นประเทศที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้มีตัวเลขการค้ากับสหรัฐฯรวมเป็นสัดส่วนถึง 88% ของปริมาณการค้าทั้งหมดกับสหรัฐอเมริกา
ในขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาอาจจะยกเว้นภาษีศุลกากรให้กับหลายประเทศ ในขณะที่การประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้กับประเทศคู่ค้านั้น ใกล้จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 2 เม.ย.
"ผมอาจจะยกเว้นให้หลายประเทศ มันเป็นการต่างตอบแทน" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ (24 มี.ค.)
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ลงเหลือ 2.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ EU ทำร่วมกับคณะบริหารของทรัมป์
"เราจะประกาศภาษีศุลกากรเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะเรียกเก็บจากรถยนต์ และจะเรียกเก็บเล็กน้อยจากสินค้าไม้แปรรูปและชิปในภายหลัง" ทรัมป์กล่าว พร้อมกับเสริมว่า "แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งจะเป็นวันสำคัญและเป็นวันตอบโต้ และเราจะนำเงินบางส่วนที่ถูกเอาไปจากเรากลับคืนมา"
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ประกาศบนโซเชียลมีเดียว่า เขาจะเก็บภาษี 25% กับประเทศใดก็ตามที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา โดยกล่าวหาว่าเวเนซุเอลาส่ง "อาชญากรหลายหมื่นคน" มายังสหรัฐฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภาษี 25% "เป็นส่วนเพิ่มจากภาษีที่มีอยู่แล้วหรือไม่" ทรัมป์ตอบว่า "ใช่"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวสำคัญ ๆ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวล โดยนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนเตือนว่าความเสี่ยงของ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุคของทรัมป์ (Trumpcession) นั้นเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายการค้าและเศรษฐกิจที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
ในช่วงต้นเดือนมี.ค. บรูซ แคสแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โลกของเจพีมอร์แกน ได้แสดงความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวในสิงคโปร์ว่า เจพีมอร์แกนประเมินว่ามีโอกาส 40% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอยในปีนี้
ที่มาข้อมูล : ข่าวต่างประเทศ
ที่มารูปภาพ : TNN

มงคล เกษตรเวทิน