"หมอเลี้ยบ" มองหุ้นไทย 1,000 จุด เอาอยู่ เชื่อรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่น

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ว่าการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ถูกกดดันจากปัจจัยด้านความเชื่อมั่น ทั้งความเชื่อมั่นเรื่องการเมือง และความเชื่อมั่นในตลาดทุน โดยยังมองว่าดัชนีจะไม่ปรับลดลงไปต่ำกว่า 1,000 จุด หากผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงปลายเดือนมี.ค. การเมืองกลับมามีเสถียรภาพ มีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมหาสงกรานต์ในช่วงเดือนเม.ย. อาจสร้างความเชื่อมั่นกลับมาได้

"หมอเลี้ยบ" มองหุ้นไทย 1,000 จุด เอาอยู่ เชื่อรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่น

สรุปข่าว

"หมอเลี้ยบ" มองหุ้นไทย ลงแค่ชั่วคราว มั่นใจ 1,000 จุด เอาอยู่ เชื่อรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่น ยอมรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และกระทรวงการคลังได้ดำเนินการ ไม่สามารถดำเนินการตามแผนเดิมได้ เชื่อว่าภายในปี 68 จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งภาคบริการ การท่องเที่ยว จะเห็นอย่างชัดเจน

“ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน ไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่ถาวร แรงลึกเหมือนกับตอนที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงไปประมาณ 100 จุด หลังจากที่มีมาตรการการสำรอง 30% เมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราว มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น ความมั่นใจ และอารมณ์ความรู้สึกในช่วงนั้น ๆ”

ที่ผ่านมาการปรับตัวลดลงของดัชนี SET มีความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นจากหลายส่วนผสมผสานกัน บางประเด็นเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหา ส่วนเรื่องปัญหาชั่วคราวประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ประเด็นการเมือง จากความกังวลว่าจะมีการยุบสภา หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจกระทบรัฐบาลหรือไม่ ขณะที่ประเด็นความเชื่อมั่นในตลาดทุน จากปัญหาบรรษัทภิบาล ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งที่ผ่านมาการปรับลดลงของดัชนีถูกกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่บางตัว ที่อาจมีปัญหาด้านบรรษัทภิบาล เป็นภาพสะท้อนว่าต้องมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้น

สำหรับประเด็นการเมืองเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะนโยบายการเงิน ที่ต้องมีการพูดคุยกันเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการคลัง ซึ่งมองว่านโยบายการเงินอาจต้องมีการผ่อนคลายมากกว่านี้ เนื่องจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ฐานล่าง และคาดหวังแผนงานใหม่ของนโยบายการเงินที่จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนไทยดีขึ้น เพราะปัจจุบันค่าเงินแข็งค่าเมื่อเทียบกับคู่ค้าอื่น ทำให้การท่องเที่ยวเติบโตไม่เต็มที่เช่นเดียวกับการส่งออก ขณะที่นโยบายการคลังต้องมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างท่อราว 1.46 ล้านล้านบาท ให้เร็วที่สุด

“สิ่งหนึ่งที่นายกฯบอก คือการเป็นรัฐบาลไปจนถึงปี 70 จนมีการเลือกตั้ง ตรงนี้เป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นว่านโยบายรัฐบาลไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็อีก 2 ปี”

ขณะที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและกระทรวงการคลังได้ดำเนินการ ยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการตามแผนเดิมได้ ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งนี้หากสามารถดำเนินการได้ตามแผน ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่านี้ อย่างไรก็ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ระยะกลาง-ยาว เป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการต่อ เชื่อว่าภายในปี 68 จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งภาคบริการ การท่องเที่ยว จะเห็นอย่างชัดเจน

ที่มาข้อมูล : นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

ที่มารูปภาพ : TNN

avatar

มงคล เกษตรเวทิน