
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รัฐบาลได้เตรียมเม็ดเงินส่วนเพิ่มจากงบประมาณปกติราว 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะลงเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสอง และสามของปีนี้ เพื่อรักษาโมเมนตั้มที่กำลังฟื้นตัวให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยในขณะนี้นั้น มีความจำเป็นต้องเข้าไปกระตุ้นผ่านการใส่เม็ดเงินเข้าไปโดยตรงหรือการปล่อยสินเชื่อ เพื่อรักษาโมเมนตั้มเศรษฐกิจ หลังจากที่เศรษฐกิจเราเริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ปีที่แล้วและต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกปีนี้
โดยรัฐบาลมีงบประมาณส่วนเพิ่มที่จะเข้าไปดูแลเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่สองและสามอีกราว 150,000 ล้านบาท ถือเป็นเม็ดเงินที่เยอะที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสสองและสามของทุกปีนี้ เป็นช่วงที่เศรษฐกิจมีความชะลอตัว ดังนั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะใส่เม็ดเงินให้กระจายลงไปในระบบเศรษฐกิจ

สรุปข่าว
โดยนอกจากที่เราจะใส่เม็ดเงินดังกล่าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว เรายังจะมีมาตรการทางการคลังที่จะเข้าไปสนับสนุนเพิ่มเติมผ่านการปล่อยสินเชื่อและมาตรการทางด้านภาษีที่จะเข้าไปสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ยังมีปัญหา คือ อุตสาหกรรมรถยนต์
เขากล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์นั้น ถือเป็นอุตสาหกรรมใหญ่และสำคัญเพราะมีซัพพลายเชนสูง โดยรัฐบาลจะเข้าไปดูเรื่องปรับโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนรถยนต์กลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
เพื่อให้รถยนต์กลุ่มนี้มีการผลิตและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น เพราะมีส่วนผสมที่เป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานได้เพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในภาพรวมแข็งแกร่งขึ้น
ทุกภาคของเศรษฐกิจในขณะนี้ พูดได้ว่า อยู่ในขาบวกหมด ยกเว้น อุตสาหกรรมการผลิตในส่วนของรถยนต์ และ ในส่วนของรถยนต์นี้ เมื่อแยกออกมาก็จะพบว่า ในส่วนของรถกระบะที่ยังมีปัญหา ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงสินเชื่อไม่ได้ เราจึงต้องให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าไปช่วยค้ำประกัน