รายงาน โซเชียล เทรนด์ 2024 (Social Trends 2024) ของ ฮุตซูท (Hootsuite) เรื่อง เอไอ เทรนด์ ( AI Trend) ที่เปิดเผยออกมาล่าสุดนั้น เป็นการสำรวจนักการตลาด, ผู้บริโภค และจากการรวบรวมข้อมูลข่าวสารบนโซเซียล มีเดียพบว่า ร้อยละ 61 ขององค์กรธุรกิจ เลือกใช้ เอไอ เพื่อลดจำนวนงานบางส่วนของพนักงาน และยังวางแผนจะเพิ่มการใช้งาน เอไอ มากขึ้นอีก เป็น 2 เท่าในอนาคต โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับการเขียนบทความ ปรับแต่งภาพ หรืองานด้านการบริหารลูกค้า เป็นต้น
ขณะที่ ร้อยละ 62 ของผู้บริโภค ยังไม่เชื่อในคอนเทนต์ที่สร้างโดย เอไอ เพราะคิดว่า ข้อมูลที่ได้จาก เอไอ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่สามารถแยกแยะเกี่ยวกับภาพได้ระหว่างภาพจริง และภาพที่สร้างโดย เอไอ
อย่างไรก็ดี พบว่า ผู้คนให้ความสนใจใน เอไอ ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2023 โดยมีหัวข้อที่พูดถึง เอไอ เพิ่มขึ้นถึงมากกว่า 5 เท่า หรือ 550% และพบด้วยว่า ปัจจุบันหลายองค์กรและแบรนด์ได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Brand Experience มากกว่าจะมายึดติดว่า คน หรือ เอไอ กันแน่ที่เป็นผู้สร้างคอนเทนต์
สรุปข่าว
มาดู 8 งานที่คนใช้ เอไอ เป็นตัวช่วยกันบ้าง โดยพบว่า มีการใช้ เอไอ ช่วยแก้ไขและเรียบเรียงข้อความ เป็นสัดส่วนสูงที่สุดในการสำรวจนี้ และเป็นสัดส่วนที่ พอ ๆ กัน กับการใช้งาน เพื่อสร้างโฆษณาที่เป็นข้อความ
นอกจากนี้ ยังมีการใช้งาน เอไอ เพื่อให้ช่วยคิดต่อยอดไอเดีย, ทบทวน และแก้ไข ข้อความ, สร้างข้อความสำหรับฝ่ายสนับสนุนลูกค้า, ให้ช่วยแก้ไข รูปภาพ ก็มี รวมไปถึง สร้างรูปภาพ และยังมีการใช้งาน แชตบอต เอไอ (Chatbot AI) เพื่อช่วยตอบข้อความ อีกด้วย
ซึ่งในเรื่องของการใช้ แชตบอต เอไอ พบว่า องค์กรหันมาใช้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า หรือ 318% จากปีก่อนหน้า
และเมื่อแยกตามช่วงอายุของคน พบว่าคนวัย เบบี้ บูมเมอร์ส (Baby Boomers) และ เจน เอ็กซ์ (Gen X) ส่วนมากไม่ค่อยเชื่อในคอนเทนต์ที่สร้างโดย เอไอ รวมถึงไม่สามารถแยกแยะระหว่างคอนเทนต์ที่สร้างโดย เอไอ และคอนเทนต์ที่สร้างโดยมนุษย์ได้ดีมากนัก เมื่อเทียบกับกลุ่มคน เจน ซี (Gen Z) และ มิลเลนเนียลส์ (Millenials) ที่เปิดรับ และคุ้นชินกับการใช้งาน เอไอ ในการทำคอนเทนต์มากกว่า
ปัจจุบันมีการพัฒนา เอไอ ออกมาสำหรับการใช้งานได้หลากหลาย และทำให้เห็นภาพของการแข่งขันกันมากขึ้น ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
คุณ ชาคริต ชูปรีดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ForeToday(ฟอร์ทูเดย์) ให้มุมมองว่า การใช้งานในเชิงธุรกิจ เอไอ จากฝั่งสหรัฐฯ ทำได้ค่อนข้างดี ส่วนฝั่งจีน เพิ่งเข้ามา แต่ตลาดจะแมสกว่ามาก ซึ่งการใช้งาน จะแบ่งได้ออกเป็น 3 ด้าน คือการใช้เอไอ บนอินเทอร์เน็ต ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ส่วนการใช้งานในเชิงธุรกิจ สหรัฐฯ ทำได้ดีกว่า ขณะที่ ด้าน เพอร์เซ็ปชัน เอไอ จีนกลับทำได้โดดเด่นกว่า จะเห็นได้ว่า การแข่งขันก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปลายทางของผู้ใช้งาน ว่าจะนำไปใช้ทำอะไร
ทั้งนี้ เอไอ จากฝั่งสหรัฐฯ มีสิ่งที่ทุกคนต้องทำก่อน คือการเข้าไปเทรน แต่จากฝั่งจีน เอไอ จากโซเชียล มีเดียอย่าง ติ๊กตอก หรือเพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น เทมู แทบจะไม่ต้องเทรนเลย เพราะมีการเรียนรู้ผ่านพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือยูสเซอร์ ในโซเชียล มีเดีย หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนั้น ๆ ทำให้ เอไอ สามารถเรียนรู้ได้ว่าบุคคลนั้นต้องการอะไร หรืออยากได้อะไร และนำเสนอสิ่งที่พวกเขาต้องการ
สำหรับ ForeToday (ฟอร์ทูเดย์) เป็นบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ ที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ มุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายและขยายธุรกิจออนไลน์ให้กับพาร์ทเนอร์ โดยมีประสบการณ์ในการดูแลมากกว่า 400 แบรนด์ และสร้างยอดขายรวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
ซึ่งคุณ ชาคริต กล่าวด้วยว่า สำหรับในไทย หากแบรนด์จะนำ เอไอ มาใช้เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของตัวเอง จะต้องยกระดับของคนในองค์กรในการใช้งาน เอไอ ก่อน อย่างไรก็ดี มองว่าองค์กรขนาดใหญ่ จะไปได้เร็วกว่าเพราะมีความพร้อมมากกว่า ธุรกิจเอสเอ็มอี
ที่มาข้อมูล : Social Trends 2024
ที่มารูปภาพ : -