ไทยฮอต! “The White Lotus 3” ดันท่องเที่ยวไทยบูม l การตลาดเงินล้าน

ภาครัฐของไทย เดินหน้าต่อเนื่องเพื่อผลักดันประเทศ ให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำ ของการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ เห็นได้จากตัวเลข ที่มีการเติบโตขึ้นเกือบทุกปี 

ซึ่งย้อนหลังไป 5 ปี ตั้งแต่ช่วงโควิด 19 ระบาด กองถ่ายจากต่างประเทศเข้ามาใช้สถานที่ถ่ายทำในไทย มีจำนวน 176 เรื่อง ในปี 2563 รวมมูลค่าเงินลงทุนถ่ายทำในไทยเป็นจำนวนกว่า 1,700 ล้านบาท

พอมาในปี 2564 มีกองถ่ายจำนวน 121 เรื่อง ส่วนเงินลงทุนถ่ายทำ เพิ่มขึ้นเป็น 4,600 ล้านบาท และปี 2565 จำนวน 346 เรื่อง รวมเงินลงทุน 4,660 ล้านบาท

สำหรับ ปี 2566 เห็นการเติบโตชัดเจนขึ้น ด้วยจำนวนกองถ่าย 466 เรื่อง รวมเป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 6,700 ล้านบาท และปีล่าสุด ปี 2567 มีตัวเลขใกล้เคียงกัน จำนวนกองถ่าย อยู่ที่ 491 เรื่อง และมีเม็ดเงินลงทุนถ่ายทำในไทย คิดเป็นมูลค่ากว่า 6,580 ล้านบาท และสร้างงานให้กับบุคลากรทีมงานชาวไทยจำนวน กว่า 29,231 คน

ส่วนปี 2568 นี้ เห็นสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง จากตัวเลขเดือนมกราคม 2568 มีรายงานสรุปออกมาแล้ว พบว่า มีกองถ่ายจากต่างประเทศจำนวน 62 เรื่อง และใช้เงินลงทุนถ่ายทำกว่า 785 ล้านบาท

จากข้อมูลปีล่าสุด 2567 พบว่า กองถ่ายจาก เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีงบประมาณลงทุนถ่ายทำในไทยสูงสุด เป็นมูลค่ากว่า 1,328 ล้านบาท รองมาคือ สหรัฐอเมริกา มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และอันดับ 3 ถึงอันดับ 5 ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐอินเดีย ตามลำดับ

โดยคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ได้เดินทางไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งจังหวัดที่มีกองถ่ายเข้าไปถ่ายทำ มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, ชลบุรี, สมุทรปราการ และนนทบุรี สถานที่ยอดฮิต ได้แก่ ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ, ชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี, เดอะ สตูดิโอ พาร์ค (The Studio Park) ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และ แอคส์ สตูดิโอ (ACTS Studio) อยู่ที่ จังหวัดปทุมธานี

สรุปข่าว

ส่วนภาพยนตร์ ซีรีส์ และ เอ็มวี ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย ในปีที่ผ่านมา เช่น ภาพยนตร์ไดโนเสาร์ชื่อดัง เรื่อง จูราสสิค เวิลด์ รีเบิร์ธ (Jurassic World Rebirth) ซึ่งเป็นภาค 4 มีการถ่ายทำบางส่วนในประเทศไทย และเลือกถ่ายทำในพื้นที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดตรัง โดยเข้ามาถ่ายทำ ช่วงระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน ถึง 16 กรกฎาคม 2567 ระยะเวลาเกือบ 1 เดือน งบลงทุนที่สร้างรายได้เข้าประเทศไทยอยู่ที่ราว 650 ล้านบาท ซึ่ง จูราสสิค เวิลด์ รีเบิร์ธ เรื่องนี้ มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ในเดือนกรกฎาคม ของปีนี้ด้วย 

ถัดมาเป็นภาพยนตร์จีน เรื่อง หวู่ชา 3 ออกโตปุส วิธ โบรกเค่น อาร์มส์ (Wusha 3 Octopus With Broken Arms) ซึ่งเรื่องนี้เข้ามาถ่ายทำในไทยทั้งเรื่อง (100%) และเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาเตรียมงานและการถ่ายทำถึง 6 เดือน โดยเข้าฉายแล้ว เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา

ส่วนที่เรียกกระแสความปังให้กับย่านเยาวราชของไทยเมื่อปีที่แล้ว ก็คือการถ่ายทำมิวสิค วิดีโอ หรือ เอ็มวี เปิดตัวการเป็นศิลปินเดี่ยว ของ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ในเพลง ร็อกสตาร์ (RockStar)

และอีกเรื่องเป็น ซีรีส์ภาคต่อ การันตีรางวัลระดับโลก เรื่อง เดอะ ไวท์ ดลตัส ซีซัน 3 ซึ่งกำลังเป็นกระแสในเวลานี้ 

สำหรับซีรีส์ เดอะ ไวท์ โลตัส ซีซัน 3 (The White Lotus season 3) ซึ่งคณะถ่ายทำ ได้ยกทัพนักแสดงและทีมงานต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยทั้งเรื่อง และยังมีนักแสดงชาวไทยร่วมแสดงอีกหลายคน รวมถึง ลิซ่า - ลลิษา มโนบาล  ทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจและถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลาย

ด้าน คุณ จาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ให้ข้อมูลว่า ซีรีส์ เรื่องดังกล่าว เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยในช่วง ระหว่างเดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนสิงหาคม 2567 และใช้โลเคชันถ่ายทำใน 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, ปทุมธานี และพังงา มีเงินลงทุนในการถ่ายทำมากกว่า 1,100 ล้านบาท และสร้างงานให้กับทีมงานชาวไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์กว่า 300 ราย

ส่วน สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นับตั้งแต่มีการยืนยันว่า ซีรีส์ภาคต่อ เดอะ ไวต์ โลตัส ซีซัน 3 เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ก็ทำให้มีการประเมินว่าจะผลักดันการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของไทย

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจาก โฮเทลส์ ดอท คอม (Hotels.com) กล่าวกับ ซีเอ็นเอ็นว่า บริษัททัวร์ และรีสอร์ทหลายแห่ง ได้จัดแพ็คเกจท่องเที่ยวไทย ในธีม ดอกบัวขาว ไว้แล้ว

ทั้งบอกด้วยว่า การค้นหาเกาะสมุย เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 และมีแนวโน้มว่าจะมีผู้ค้นหาเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เห็นได้จากข้อมูลของ โฮเทลส์ ดอท คอม ที่รายงานก่อนหน้านี้ว่า หลังจาก เดอะ ไวต์ โลตัส ซีซัน 2 เริ่มออนแอร์ ซึ่ง ซีซัน 2 นั้นถ่ายทำที่ ซาน โดเมนิโก พาเลซ (San Domenico Palace) ซึ่งเป็นโรงแรม โฟร์ ซีซัน ในประเทศอิตาลี ก็ทำให้มีการค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า หรือ 300% เลยทีเดียว 

ทั้งนี้ การสนับสนุนกองถ่ายต่างชาติให้เข้ามาถ่ายทำในไทย ถือเป็นการส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ ด้านวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยว ทำให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ความสำคัญกับ มูฟวี มาร์เก็ตติง (Movie Marketing) โดยจับกระแสการท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์ และภาพยนตร์ เพื่อผลักดันการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของไทยอย่างต่อเนื่อง

โดยปี 2568 ภาครัฐของไทย ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไว้จำนวน 39-40 ล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นมูลค่า 3 ล้านล้านบาท 

อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้กองถ่ายจากต่างประเทศ เลือกเข้ามาใช้สถานที่ถ่ายทำในไทย เป็นเพราะพิจารณาถึงความคุ้มค่าจากมาตรการ อินเซนทีฟ (Incentive) ที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน ประกอบกับความสวยงามของธรรมชาติ ของประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ไทย มีความพร้อมในด้านสถานที่ถ่ายทำ และบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย ก็มีความเป็นมืออาชีพ

แต่สำหรับ การให้แรงจูงใจ หรือ อินเซนทีฟ ถือเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา ซึ่งปี 2568 มีการปรับการให้แรงจูงใจ สำหรับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มเป็นอัตราร้อยละ 15 ถึงร้อยละ 30 หากคณะถ่ายทำมีเงินลงทุนถ่ายทำในไทย ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป 

อีกทั้ง ยังสามารถขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมด้านอื่น ๆ ได้อีก เช่น การจ้างงานทีมงานหลักชาวไทย, การส่งเสริมการท่องเที่ยว, ซอฟต์ พาวเวอร์, การถ่ายทำใน 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยว และการทำ โพส โพรดักชัน

โดยในช่วงเดือนแรกของปีนี้ มีภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่มีงบประมาณลงทุนขนาดกลางและขนาดใหญ่ สนใจเข้าร่วมมาตรการจูงใจดังกล่าวมากกว่า 10 เรื่อง สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวสามารถดึงดูดกองถ่ายต่างประเทศได้จริง 

ทั้งทำให้ประเทศไทย ขยับเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของคณะถ่ายทำต่างประเทศ ช่วยสร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศ กระจายไปสู่ภูมิภาคท้องถิ่นที่เป็นสถานที่ถ่ายทำ และยังเป็นการนำพาประเทศไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ : -