
2 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น “ฮอนด้า” และ “นิสสัน” ประกาศยุติการเจรจาควบรวมกิจการเพื่อตั้งกลุ่มโฮลดิ้งที่มีมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังการเจรจามีความซับซ้อนจากเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะข้อเสนอของ “ฮอนด้า” ที่ต้องการให้ “นิสสัน” เป็นบริษัทในเครือ แต่ “นิสสัน” ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม ทั้ง “ฮอนด้า” และ “นิสสัน” ให้คำมั่นที่จะยังคงร่วมมือกันในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต่อไป
การยุติข้อตกลงดังกล่าวได้เพิ่มความไม่แน่นอนสำหรับ “นิสสัน” ค่ายรถญี่ปุ่นรายใหญ่อันดับ 3 เนื่องจากกำลังเผชิญปัญหาหลายด้าน โดยยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตที่เผชิญมาตลอดหลายปี ขณะที่มีปัญหาเรื่องการบริหารที่เกิดจากการจับกุมและปลดอดีตผู้บริหาร “คาร์ลอส กอส์น” ในปี 2561
นิสสันเพิ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรจากการดำเนินงานลดลงร้อยละ 78 อยู่ที่ 3.11 หมื่นล้านเยน หรือ 201.84 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ // ส่วนฮอนด้ากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 อยู่ที่ 3.97 แสนล้านเยน หรือ 2.58 พันล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
“คริสโตเฟอร์ ริชเตอร์” นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์ของญี่ปุ่นจาก CLSA ระบุว่า ฮอนด้าค่อนข้างมั่นใจและมีความได้เปรียบมากกว่า ในขณะที่นิสสันอยู่ในสถานะที่แย่กว่า จึงยังไปด้วยกันไม่ได้ในตอนนี้
ด้าน “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส” หุ้นส่วนอีกรายของ “นิสสัน” ก็เข้าร่วมการหารือเพื่อควบรวมกิจการเช่นกัน แต่ก็ถอนตัวออกจากการเจรจา
แต่ทั้ง 3 บริษัทระบุในแถลงการณ์ร่วมกันว่า จะยังคงร่วมมือกันภายใต้กรอบความเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์ EV และรถอัจฉริยะ
ภายหลังการประกาศยุติแผนควบรวมกิจการระหว่างกัน ราคาหุ้นของฮอนด้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.14 ในขณะที่หุ้นของนิสสันร่วงลงร้อยละ 0.34

สรุปข่าว