“วินฟาสต์” ขาดทุนอ่วมฉุดสถานะบริษัทแม่

“วินฟาสต์” (VinFast) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเวียดนาม เผชิญภาวะขาดทุนอย่างหนัก สร้างแรงกดดันต่อสถานะการเงินของบริษัทแม่ “วินกรุ๊ป” (Vingroup) ที่ทำธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และรีสอร์ต 


ทั้งนี้ “วินฟาสต์” ขาดทุนเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่การขาดทุนเริ่มลดลง เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้นจากยอดขายรถยนต์ที่เกินเป้าในปีที่แล้ว


แรงกดดันรุนแรงขึ้นในเดือนนี้ หลังจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ทั้ง “มูดี้ส์” และ “ฟิทช์” จัดอันดับตราสารหนี้ของ “วินกรุ๊ป” และ “วินโฮมส์” ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่ทำกำไรสูงสุด สู่ระดับ “ขยะ” (junk) เช่นเดียวกับการขายหุ้นกู้ระหว่างประเทศ 500 ล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจสะท้อนสถานะทางการเงินของ “วินกรุ๊ป”


“ฟาม เยิต เวื้อง” ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทวินกรุ๊ป อัดฉีดเงินราว 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ให้แก่ “วินฟาสต์” เมื่อเดือนตุลาคม ในรูปของเงินกู้และเงินสนับสนุน พร้อมกับให้คำมั่นที่จะทุ่มเงินอีกเกือบ 3.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน แม้จะมีความกังวลของบรรดานักลงทุน


ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า มูลค่าตลาดของ “วินกรุ๊ป” หดตัวลงเกือบครึ่งหนึ่ง อยู่ที่ราว 6 พันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ “วินฟาสต์” เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ส่วนราคาหุ้นร่วงลงร้อยละ 6.6 มากสุดเมื่อเทียบในบรรดาบริษัทรายใหญ่ 10 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม และทำผลงานต่ำกว่าตลาดโดยรวมที่โตร้อยละ 7.5


“เหวียน เต๋ มิงห์” หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ “หยวนต้า ซิเคียวริตี้ส์ เวียดนาม” มองว่า ความท้าทายที่สำคัญสุดของ “วินกรุ๊ป” ก็คือ “วินฟาสต์”


อย่างไรก็ตาม “วินกรุ๊ป” ยังไม่ถอดใจกับค่ายรถ EV ในเครือ โดยยังจะให้การสนับสนุนการพัฒนาของบริษัทลูกต่อไป


จนถึงขณะนี้ นักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ ยังไม่มั่นใจ เพราะนับตั้งแต่ “วินฟาสต์” จดทะเบียนทะเบียนในตลาดหุ้น มูลค่าการถือครองหุ้นของชาวต่างชาติใน “วินกรุ๊ป” ลดลงเกือบร้อยละ 60 เหลือ 15.7 ล้านล้านดอง หรือราว 620.5 ล้านดอลลาร์ 


นักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นทั้งหมดใน “วินกรุ๊ป” เมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ แบล็กร็อก และ DWS ส่วนธุรกิจจัดการสินทรัพย์ของ “เจพี มอร์แกน” ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเกือบครึ่งหนึ่ง เหลือร้อยละ 0.13 ด้านนักลงทุนรายใหญ่สุดในวินกรุ๊ปอย่าง “SK กรุ๊ป” จากเกาหลีใต้ก็มีแผนจะลดการถือหุ้นลง 1 ใน 5


สรุปข่าว

ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : ถังภาพ