BAY ทำกำไรปี 67 ที่ 29,700 ล้านบาท หดตัว 9.8% หลัง NPL พุ่ง ตั้งสำรองเพิ่ม สินเชื่อ SME ยังไม่ฟื้น
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY รายงานผลประกอบการประจำปี 2567 มีกําไรสุทธิอยู่ที่ 29,700 ล้านบาท ลดลง 9.8% หรือลดลง 3,229 ล้านบาท จากปี 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สะท้อนนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดระมัดระวัง
สรุปข่าว
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 107,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,504 ล้านบาท หรือ 8.6% จากปี 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย 17,287 ล้านบาท ส่วนใหญ่ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อจากการควบรวมธุรกิจในอาเซียน และการเพิ่มขึ้นของ อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ
รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการอยู่ที่จํานวน 34,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% หรือจํานวน 5,433 ล้านบาทจากปี 2566 จากธุรกิจภายในประเทศ และธุรกิจในอาเซียน โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมบริหารความมั่งคั่งกองทุน ค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจําหน่ายประกัน และค่าธรรมเนียมบริการบัตร
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM ในปี 2567 อยู่ที่ 4.28% เพิ่มขึ้นจาก 3.91% ในปี 2566 โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นมีปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้ทั้งปีของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศที่ควบรวมในปี 2566 และการบริหารสภาพคล่องที่เหมาะสมรัดกุม สอดคล้องกับอุปสงค์ต่อเงินให้สินเชื่อที่ชะลอตัวระหว่างปี
ในขณะเดียวกัน สินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจํานวน 12,185 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.8% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อเพื่อรายย่อย และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม สะท้อนสภาพแวดล้อมในการดําเนินธุรกิจที่ท้าทาย
ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม หรือ NPL อยู่ที่ 3.23% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 เทียบกับ 3.20% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 และ 2.53% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 ขณะที่อัตราส่วนเงินสํารองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 123.2% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 เทียบกับ 124.6% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 และ 149.1% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 ตามลําดับ
ที่มาข้อมูล : ทำข่าว
ที่มารูปภาพ : บริษัทจดทะเบียน, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย