สรุปข่าว
ข้อมูลจาก Factset ระบุว่า ราคาหุ้นของนิสสัน มอเตอร์ บริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ นับเป็นการปรับขึ้นมากสุดในรอบอย่างน้อย 40 ปี นับตั้งแต่ปี 2528 ซึ่งเป็นปีที่เก็บข้อมูลครั้งแรก ส่วนราคาหุ้นของ “ฮอนด้า” ขยับลดลงร้อยละ 3
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสื่อรายงานว่านิสสัน ที่กำลังประสบปัญหา สนใจควบรวมกิจการกับ ฮอนด้า มอเตอร์ ค่ายรถญี่ปุ่นอีกราย เพื่อจัดตั้งบริษัทขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่ได้ รวมถึงลงทุนเพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่กำลังเติบโต
หนังสือพิมพ์นิกเกอิของญี่ปุ่น รายงานว่า ทั้ง ฮอนด้า และ นิสสัน กำลังพิจารณาทางเลือกในการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง และจะลงนามในบันทึกความเข้าใจเร็ว ๆ นี้
ด้านรอยเตอร์สระบุว่า การควบรวมระหว่าง ฮอนด้า กับ นิสสัน จะทำให้เกิดบริษัทที่มีมูลค่าราว 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีกำลังการผลิตรถราว 7.4 ล้านคันต่อปี ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 รองจาก โตโยต้า ที่มีกำลังผลิต 11.2 ล้านคันในปี 2566 และ โฟล์คสวาเกน 9.2 ล้านคัน
นอกจากนี้ ทั้ง 2 บริษัทยังมีแผนจะนำ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่ง นิสสัน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด ร้อยละ 24 เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทโฮลดิ้งดังกล่าวด้วย ซึ่งการผนวกรวมฮอนด้า นิสสัน และมิตซูบิชิ จะทำให้มีกำลังการผลิตรวมกันกว่า 8 ล้านคันต่อปี
ขณะที่ นิสสัน ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ต่าง ๆ สำหรับความร่วมมือในอนาคตกับ ฮอนด้า และ มิตซูบิชิ แต่ยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ
"วิเวก เวดยา" จากบริษัทวิจัยฟรอสต์ แอน์ ซัลลิแวน กล่าวกับ CNBC ว่า การควบรวมกิจการมาจากผลงานที่ย่ำแย่ของ นิสสัน จนต้องปรับลดคาดการณ์รายได้และแนวโน้มการดำเนินงานตลอดทั้งปี รวมถึงเตรียมเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน และลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 1 ใน 5
ที่มาข้อมูล : -