สรุปข่าว
นิตยสาร ฟอร์จูน (Fortune) เผยแพร่ผลการจัดอันดับ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงธุรกิจ ประจำปี 2024 พบว่า อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา และ สเปซเอ็กซ์ ครองอันดับที่ 1 จากนักธุรกิจทั่วโลก ซึ่งการจัดอันดับดังกล่าว จะมีหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ครอบคลุม เช่น ขนาดของธุรกิจ การเติบโตของรายได้ และผลกำไร ความสามารถในการทำกำไร มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป) ตลอดจนความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยพิจารณาจากสภาพคล่อง ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความสามารถในการชำระหนี้ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
นอกจากนี้ ยังพิจารณาถึงความสำเร็จของบุคคลนั้น ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่มีใครทำได้ รวมไปถึง คำพูด และการกระทำ จะส่งผลต่อความคิดและการกระทำของบุคคลอื่นมากน้อยแค่ไหน และสามารถใช้อิทธิพลของตนเองในการสร้างอิมแพ็ค หรือผลกระทบต่อโลกนี้อย่างไร หรือทำให้โลกดีขึ้นหรือไม่
ในการจัดอันดับ ปี 2024 นี้ พบว่า มีผู้นำ มาจาก 40 อุตสาหกรรม ที่มีอายุระหว่าง 30 ปี ไปจนถึงมากกว่า 90 ปี โดยเป็นทั้งผู้ก่อตั้งธุรกิจ, ผู้บริหารระดับสูงฝีมือดี และรวมถึง ดิสรัปเตอร์ และอินโนเวเตอร์ ที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน
สำหรับ อีลอน มัสก์ ครองอันดับที่ 1 จากการจัดอันดับในครั้งนี้ ซึ่ง นิตยสาร ฟอร์จูน เผยว่า มัสก์ มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า อีกทั้ง สัญชาตญาณด้านวิศวกรรม ยังทำให้เขาเป็นผู้นำและได้รับการยอมรับในหลายอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เป็นบุคคลที่ชอบแสดงความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมา รวมทั้งยังตั้งความคาดหวังที่เข้มงวดแก่พนักงานของเขาเอง จึงทำให้เขาเป็นบุคคลที่มีทั้งคนที่สนับสนุนอย่างชัดเจน และมีคนที่ไม่ชอบอย่างชัดเจน (มีทั้งคนรัก และคนชัง)
ในทางธุรกิจ มัสก์ มีลักษณะโดดเด่นถึงความกล้าที่จะเสี่ยง จนกลายเป็นผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมาก เช่น การท้าทายมาตรฐานอุตสาหกรรม ด้วยจรวดที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ที่ สเปซเอ็กซ์ จนปัจจุบัน สเปซเอ็กซ์ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 210,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วน เทสลา ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาด กว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มัสก์ ใช้เงินลงทุน หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสร้างโรงงานผลิตขนาดใหญ่ เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าภายในบริษัทเอง
ยังมี Neuralink ที่สามารถปลูกถ่ายชิปในสมองมนุษย์ได้เป็นครั้งแรก และทำให้บุคคลที่เป็นอัมพาตสามารถใช้เมาส์คอมพิวเตอร์ด้วยสมองของเขาได้ ซึ่งปัจจุบัน Neuralink มีมูลค่าธุรกิจล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนธุรกิจที่ดูว่ายังเป็นปัญหาอยู่ ก็คือ เอ็กซ์ หรือชื่อเดิม ทวิตเตอร์ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ซื้อมาช่วงปลายปี 2022 Boring Company ที่กำลังสร้างอุโมงค์ในลาสเวกัส ยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยกับพนักงาน และการถูกตรวจสอบจากรัฐบาลกลาง เกี่ยวกับความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ระบบขับขี่อัตโนมัติ ของ เทสลา
นอกจากนี้ ยังบริจาคเงินมากกว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับพรรครีพับรีกัล และการรณรงค์เลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 3 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ จึงก็ผลักดันให้ มัสก์ และบริษัทของเขามีอำนาจและอิทธิพลในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งในธุรกิจและการเมือง
โดยบทบาทใหม่ของ มัสก์ ในทางการเมือง จะถูกจับตามองต่อไปนับจากนี้ ในฐานะผู้นำของ DOGE (ดอจช์) กระทรวงใหม่ หรือหน่วยงานใหม่ที่ถูกตั้งขึ้น เพื่อปฏิรูประบบราชการสหรัฐฯ ที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่าย โดย มัสก์ จะทำงานร่วมกับ วิเวก รามาสวามี ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ Strive Enterprises
นอกจากนี้ หลังการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และ โดนัล ทรัมป์ คว้าชัยชนะมาได้นั้น ก็ทำให้ราคาหุ้น เทสลา กลับมาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงอีกครั้ง และมีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ค แคป) เหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในรอบกว่า 2 ปี และทำให้ กลายเป็นบริษัทยานยนต์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด และใหญ่กว่าบริษัทยานยนต์รายอื่น ๆ รวมกันอีกด้วย
ซึ่งสื่อเว็บไซต์ QUARTZ รายงานข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 ระบุว่า มาร์เก็ตแคป ของ เทสลา อยู่ที่ 1.062 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า มูลค่าตลาดของ บริษัทยานยนต์รายอื่น ๆ รวมกัน อีก 16 บริษัท ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวมกันอยู่ที่ 1.046 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม สื่อดังกล่าว ราคาหุ้นเทสลา ที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในด้านธุรกิจ แต่เพิ่มขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่าง อีลอน มัสก์ และ ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ปีหน้า (2025)
สำหรับบริษัทยานยนต์รายอื่น ๆ ที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก อันดับ 2 รองจาก เทสลา ก็คือ โตโยต้า มอเตอร์ ของญี่ปุ่น มีมูลค่าตลาด กว่า 288,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอันดับ 3 คือ บีวายดี จากจีน มูลค่ากว่า 114,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มาที่ อันดับ 4 เป็น Xiaomi ซึ่งถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มยานยนต์ด้วยนั้น มีมาร์เก็ต แคป อยู่ที่กว่า 92,000 ล้านดอลลาร์ และ อันดับที่ 5 คือ Ferrari มีมาร์เก็ต แคปที่กว่า 81,700 ล้านดอลลาร์
สำหรับ 10 อันดับแรก ใน 100 รายชื่อผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงธุรกิจ ประจำปี 2024 ซึ่งอันดับ 1 ผ่านไปแล้ว
ส่วนอันดับ 2 คือ Jensen Huang (เจนเซ่น หวง) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nvidia โดย หวง สร้าง เอ็นวิเดีย มานานกว่า 4 ทศวรรษ จากผู้ผลิตชิปกราฟิกสำหรับเกมเมอร์ จนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในยุค AI หรือ ยุคปัญญาประดิษฐ์
และด้วยอำนาจเหนือตลาดของ เอ็นวิเดีย ก็ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้กลายเป็น 1 ใน บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าตลาดเกินกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 3 คือ Satya Nadella (สัตยา นาเดลลา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ไมโครซอฟต์ โดย นาเดลลา ประสบความสำเร็จในการนำ ไมโครซอฟต์ ไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญถึงสองครั้งในทศวรรษของเขา ในฐานะบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดราว 3 ล้าน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และได้รับการยอมรับ ให้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความคิดเชิงกลยุทธ์ที่เฉียบคมที่สุดในการบริหารจัดการในปัจจุบัน
ส่วนเจ้าของ วลีอัมตะที่ว่า "จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว" รั้งอยู่อันดับที่ 4 คือ วอร์เรน บัฟเฟต ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Berkshire Hathaway ที่ปัจจุบันมีอายุ 94 ปี
อันดับ 5 เป็นของ Jamie Dimon ประธานกรรมการบริหาร ของ เจพีมอร์แกน เชส ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
สำหรับผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงธุรกิจอันดับ 6 คือ Tim Cook ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Apple
อันดับ 7 Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Meta
อันดับ 8 Sam Altman ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอ บริษัท OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT
อันดับ 9 เป็นผู้หญิงคนเดียวใน 10 อันดับแรก คุณ Mary Barra ซีอีโอ และประธานบริษัท General Motors
และอันดับ 10 คือ Sundar Pichai ซีอีโอของบริษัท Alphabet หรือ Google นั่นเอง
ที่มาข้อมูล : -