สรุปข่าว
ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมิน ฉากทัศน์การเมืองหลังตัดสินกรณีนายกเศรษฐา 14 สิงหาคม 1567 ว่า หาก “นายกมาจากพรรคเพื่อไทย” ซึ่งเป็นความน่าจะเป็นร้อยละ 50 โดยระยะเวลาได้นายกฯใหม่ภายใน 1 เดือน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 จะประกาศใช้ล่าช้า 0 - 2 สัปดาห์ แต่สามารถเร่งรัดเบิกจ่ายชดเชยได้
ขณะที่โอกาสที่จะเกิด Digital Wallet มีเท่าเดิม แต่มองว่าจะล่าช้า อย่างเร็วสุดจะเริ่มได้ ธันวาคม 2567 ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจในปี 2567 – 2568 หากเป็นนายกฯพรรคเพื่อไทยมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยน้อย เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจภาพรวมยังคล้ายเดิม แต่ความเสี่ยงด้านต่ำจากความไม่แน่นอนทางการเมืองมีสูงขึ้น
ด้านผลต่อตลาดการเงินและค่าเงินบาทคาดว่าจะผันผวนระยะสั้น แต่คาดว่าจะกลับมาปกติได้ภายในไตรมาส 3 จึงยังคงมุมมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในเดือนธันวาคม 2567 และไตรมาส 1 ปี 2568 แต่หากกรณีที่ “นายกฯมาจากพรรคร่วมอื่น” ซึ่งคาดว่าความน่าจะเป็นมีร้อย 40 โดยระยะเวลาในการได้นายกฯใหม่จะเกิดภายใน 3 เดือน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 จะล่าช้า 3 – 4 เดือน แต่เร่งรัดเบิกจ่ายชดเชยได้บ้าง
ขณะที่โอกาสที่จะเกิด Digital Wallet หากเป็นนายกฯ พรรคร่วมอื่นจะมีน้อยมาก หรือ หากเกิดได้ วงเงินโครงการจะลดลงไปมาก ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2567 – 2568 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบทางตรงผ่านงบประมาณที่ล่าข้าหรือ การลงทุนภาครัฐลดลงราว 30,000 ล้านบาท (Real term) คิดเป็น GDP รวมที่หายไปจาก Baseline ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.27 และมีผลกระทบทางอ้อมต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ผลต่อตลาดการเงินและค่าเงินบาทผันผวนนานขึ้น แต่เนื่องจากโอกาสเกิด Digital Wallet น้อยลงมาก ทำให้ผลด้านบวกต่อเศรษฐกิจน้อยลงจึงยังคงมุมมองว่า กนง.จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในเดือนธันวาคมนี้ และ ไตรมาส 1 ปีหน้าตามคาดการณ์เดิม ส่วนกรณีจะเกิดการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ มีโอกาสเกิดร้อยละ 10 และระยะเวลาได้นายกฯใหม่จะเกิดภายใน 6 เดือน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 จะล่าช้า 5 -6 เดือน การเร่งรัดเบิกจ่ายชดเชยไม่ได้ และ Digital Wallet จะไม่เกิดขึ้น
ส่วนผลกระทบเศรษฐกิจไทยปี 2567 และ 2568 ได้รับผลกระทบทางตรงผ่านงบประมาณปี 2568 ที่จะล่าช้าและการลงทุนภาครัฐลดลงราว 60,000 ล้านบาท (Real term) คิดเป็นGDP รวมที่ลดลงจาก Baseline ไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.54 และมีผลกระทบทางอ้อมต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยนโนบาย อาจลดดอกเบี้ยลงต่ำกว่าร้อยละ 2 ในปีหน้าและเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ กนง. ต้องลดดอกเบี้ยเพื่อ focus การขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น
ที่มา TNN
ที่มาข้อมูล : -