![ทางออก SMEs ฝ่าวิกฤตโควิด-19](/static/news/43366/news-17116189115edf6f6bc4b6c.jpeg?time=08)
![ทางออก SMEs ฝ่าวิกฤตโควิด-19](/static/news/43366/news-17116189115edf6f6bc4b6c.jpeg?time=08)
สรุปข่าว
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้จัดเสวนาออนไลน์เรื่อง “ทางออก SMEs ไทย ภายใต้วิกฤตโควิด-19” ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ รวมทั้งข้อเสนอแนะในการปรับตัวของผู้ประกอบการหลังวิกฤตโควิด-19
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ความต้องการสินค้าและบริการเกิดการชะลอตัว ดังนั้น การเพิ่มกำลังการผลิตจึงเป็นไปได้ยาก แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการควรหันมาให้ความสำคัญ คือการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ที่ผ่านมา บีโอไอ ได้ให้สิทธิประโยชน์หลายด้านแก่ผู้ประกอบการ จากสถิติย้อนหลัง 3 ปี แต่ละปี มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม ที่มีขนาดการลงทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็น SMEs คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนโครงการทั้งหมด ที่ยื่นขอรับการส่งเสริมจาก บีโอไอ โดย บีโอไอ ได้มีการปรับปรุงมาตรการและเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพื่อให้ SMEs เข้าถึงมาตรการของบีโอไอได้ง่ายขึ้น โดยมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท ก็สามารถขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ บีโอไอ ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ได้แก่ (1) การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (2) การสนับสนุนกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากร (3) ค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิเทคโนโลยีที่พัฒนาในประเทศ (4) การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และ (5) การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ โดยสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น การเพิ่มวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 3 เท่า สำหรับเงินลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา และได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
พร้อมกันนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่จะอาศัยวิกฤตโควิดครั้งนี้ เตรียมองค์กรให้พร้อมรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ในอนาคต โดยมาตรการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต มี 5 ด้าน ได้แก่ 1. การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทดแทน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการนำระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีใหม่มาใช้ 3. การวิจัยและพัฒนา หรือออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ 4. การยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรไปสู่ระดับสากล 5. การนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในโครงการ
ด้านนายกันตพนธ์ แก้วมณี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด ธนาคารมี 5 แนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ คือ “ลด พัก ขยาย ผ่อน และเพิ่ม” โดย ลด คือการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการใน 22 จังหวัดท่องเที่ยว พัก คือการพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นานสูงสุด 2 ปี ขยาย คือการขยายเงื่อนไขการชำระหนี้ สูงสุด 5 ปี ผ่อน คือการพิจารณาผ่อนผันอัตราการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย และ เพิ่ม คือ เพิ่มวงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ โดยให้วงเงินสินเชื่อซอฟท์โลน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี รวมวงเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ วัคซีนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ คือ การเติมความรู้ เพิ่มรายได้ และขยายตลาด ซึ่งธนาคารได้เปิดห้องเรียนออนไลน์เพื่อเติมความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ
เช่นเดียวกับ นายอนุชิต วิทยบูรณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรและสำนักงานผู้แทน EXIM BANK กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด ธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือพิเศษ อาทิ มาตรการเสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก มาตรการลดภาระในการชำระหนี้ มาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มาตรการลดภาระผู้ส่งออกไทยสู้ภัยไวรัสโคโรนา สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ซึ่งวิกฤตโควิดครั้งนี้ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้น ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค เช่น การทำงานที่บ้าน การเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ รวมถึง ซัพพลายเชนของโลก ถูกแทนที่ด้วยซัพพลายเชนในระดับภูมิภาค เนื่องจากจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค ระบบขนส่ง โลจิสติกส์ ปรับเปลี่ยนรูปแบบ มีขนาดการบรรจุน้อยลง ตลอดจน ระบบการค้าที่เป็นออนไลน์ แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
ที่มาข้อมูล : -