สรุปข่าว
คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เผยว่า นับตั้งแต่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศท่าทีควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดคาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลก ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนหันไปถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น ขณะที่ทองคำเองก็มีแรงขายออกมา เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมาราคาทองคำจะปรับลดลงต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ของปี โดยในเดือนกันยายน ยังสามารถยืนเหนือ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ ดังนั้นหากราคาทองคำไม่หลุดจุดต่ำสุดซึ่งเป็นฐานของของปีนี้และปีที่ผ่านมา ที่ระดับ 1,680 – 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก็เชื่อว่าราคาทองคำยังมีโอกาสดีดกลับ
ซึ่งหากทองคำเคลื่อนไหวตามกรอบดังกล่าวจริง YLG ก็แนะนำให้แบ่งขายที่ 1,734-1,765 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนทองคำในประเทศมองราคายังทรงตัวดีจากการอ่อนค่าของเงินบาท โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวระยะสั้นที่ 29,500-30,000 บาทต่อบาททองคำ
นอกจากนี้ ยังมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การที่นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำทุกครั้งที่ราคาปรับลดลงมาแม้เทรนด์ยังเป็นขาลงนั้น เป็นตัวบ่งชี้ว่าทองคำ ยังคงเป็นสินทรัพย์สำหรับกระจายความเสี่ยง บวกกับทองคำยังมีปัจจัยเฉพาะ ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่มีปริมาณจำกัด จากการที่เหมืองทั่วโลกผลิตได้ 3,500 ตันต่อปี และมีทองเก่าหมุนเวียนในระบบ กว่า 1,000 ตัน กลไกนี้ จึงทำให้เราคาทองคำไม่ปรับลดลงไปกว่า 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
และหากมองย้อนกลับไปตลอด 5 ปี จะเห็นว่าราคาทองคำขาขึ้นตลอด เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตที่จะติดลบ เหตุผลเพราะทองคำ มีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นเมื่อหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ปรับตัวลดลง
และด้วยปัจจัยบวกดังกล่าว จึงแนะนำว่าหากราคาทองคำลดลงเข้าใกล้ราคาหน้าเหมือง เป็นระดับราคาที่เหมาะสำหรับการเก็บสะสม ส่วนคำแนะนำในการลงทุนทองคำนั้นแนะนำว่าพอร์ตการลงทุนที่ดีในการลงทุนทองคำ สัดส่วนของการลงทุนทองคำตัวเลขจากสมาพันธ์ทองคำโลกให้ไว้ที่ 5-10% และในช่วงที่ทองคำมีความเสี่ยงปรับตัวลดลงได้ YLG จึงการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส เป็นเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเพราะสามารถทำกำไรได้ในทั้งขาขึ้นและขาลง
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN
ที่มาข้อมูล : -