
การพังถล่มลงมาของตึก สตง. หลังเหตุแผ่นดินไหว 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ทิ้งร่องรอยแห่งความสูญเสีย มหาศาลให้กับคนไทย ขณะนี้ (15 เม.ย. 2568) มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ราย อีกหลายสิบรายยังหาไม่พบ เรื่องนี้ทำให้กลิ่นอายของ “การคอร์รัปชั่น” ตีวนคละคลุ้งกลับขึ้นมาในสังคมไทย ชนิดที่สื่อมวลชนไม่ยอมปล่อย ไล่ตามขุดคุ้ย เพื่อหาคนผิด มารับผิดชอบ จากเคส ตึก สตง. ถล่ม ความอัปยศหนึ่งเดียวในไทย อับอายไปทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ เรายังไม่รู้แน่ชัดว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดตึกถล่มแบบแพนเค้กลงมานั่น เกิดจาก เหตุสุดวิสัย หรือ ความประมาทเลินเล่อ กันแน่
แม้ 10 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา รองผู้ว่าฯสตง. ได้ออกมาชี้แจง ว่าถ้าหากรู้ว่า ตึกถล่มเพราะอะไร จะหาคนผิดได้ง่ายมาก แต่วันนี้ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นก็ยังตอบไม่ได้ แต่ยืนยันว่าการก่อสร้าง ออกแบบนั้น เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตามข้อตกลงคุณธรรม ใจต้องอำมหิตขนาดไหน ถึงจะสร้างบ้านเพื่อให้ทับ คนของตัวเอง 2,400 คน
แต่ยอมรับ สตง. ไม่ทราบว่า บริษัทจีน เป็นผู้ก่อสร้างอาคารเป็นหลัก เข้าใจว่าบริษัท อิตาเลียนไทยเป็นผู้ดำเนินการ
และได้ดำเนินการเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รายละ 5,000 - 10,000 แล้ว แต่สิ่งที่สังคมคาใจ คือ สาเหตุที่ทำให้ ตึก สตง. มูลค่าก่อสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท พังถล่มลงมาพริบตา แค่ตึกเดียวในประเทศไทย เพราะอะไร?
หรือจะเป็น การปรับแก้ไขแบบ แกนกลางลิฟต์ หรือ Core lift จนเสียสมดุล กระทบต่อโครงสร้างหลักของอาคาร แบกรับแรงบิด เมื่อเกิดการโยกตัวไม่ได้ จนทำให้อาคาร พังถล่มลงมา เพราะขณะนี้ มี 2 ผู้เชี่ยวชาญ ที่ออกมาชี้ว่า อาจจะเป็นไปได้ จากสาเหตุที่ว่านี้

สรุปข่าว
ศ.กิตติคุณ ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต วุฒิวิศวกร และเป็นวิศวกรผู้เข้าตรวจสอบเหตุ โรงแรมรอยัล พลาซ่า ถล่มลักษณะเดียวกันเมื่อ 30 ปีก่อน ทำคลิปสรุปได้ว่า
อาคาร สตง. พังทลายลงมาในลักษณะ “Pancake Collapse” หรือ “การถล่มแบบขนมชั้น” คือพังทุกชั้น ลงมา พร้อมๆกัน จากฐานรากที่พังก่อน แม้แต่ “ปล่องลิฟต์” ใจกลางตึก ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของอาคาร ยังพังไม่เหลือซาก
ซึ่งถ้าอิงตามแบบแปลนตึก สตง. จะมี กำแพงรับแรงเฉือน ช่วยรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว แต่กำแพงรับแรงเฉือนตึกนี้ไม่ตรงกับจุดศูนย์กลาง แต่จริงๆแล้วถ้าวิศวกร ออกแบบให้ดี แม้ไม่ตรงจุดศูนย์กลาง มันก็สามารถรับแรงบิด เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวได้
ดังนั้นข้อสันนิษฐาน คือ การก่อสร้างและออกแบบ ตึก สตง. นี้ มีความผิดปกติอย่างแน่นอน โดยฐานของปล่องลิฟต์ เกิดความเสียหายก่อนกวาดเสา และ กำแพงชั้นล่าง ให้พังทลายลงมา จากนั้นอาคารสูง 30 ชั้น ไม่อาจลอยคว้างอยู่กลางอากาศได้ มันจึงทลายลงมาพร้อมๆกันทุกชั้น ด้วยน้ำหนักของตัวมันเอง ภายในเวลาเพียง 8 วินาที เพราะด้วยแรงสั่นสะเทือนเท่าๆกัน แต่อาคารสูง ทั่วกทม. และปริมณฑล กลับไม่พังทลายเลยเพราะมีโครงสร้างป้องกันแผ่นดินไหวนั่นเอง
สอดคล้องกับข้อสันนิษฐาน จาก ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่า
ปล่องลิฟต์: ที่ควรแข็งแรงที่สุด กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการถล่มในครั้งนี้
คุณภาพวัสดุก่อสร้างอาจต่ำกว่ามาตรฐาน
หากใช้คอนกรีตที่มีกำลังอัดต่ำ หรือเหล็กเสริมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเป็นสาเหตุให้ปล่องลิฟต์พังทลายลงได้
มีการขอแก้ไขแบบปล่องลิฟต์ เพื่อลดความหนาของผนังปล่องลิฟต์
จาก 30 ซม. เหลือ 25 ซม. ซึ่งอาจไปกระทบต่อความสามารถ ในการรับน้ำหนักของโครงสร้างตึกเมื่อเกิดการบิดตัว ซึ่งเรื่องนี้ รองผู้ว่าฯ สตง. ก็เคยยอมรับเองว่า จุดแกนกลางของลิฟต์ (Core Lift) มีการปรับแก้แบบจริง พื้นที่ทางเดินกว้างเพียง 1.90 เมตร ตามกฎหมายต้อง 2 เมตร จึงได้ทำเรื่องให้มีการปรับเปลี่ยนแล้ว แต่มาเกิดเหตุสลดขึ้นก่อน
หากตึกถูกสร้างโดยต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัยหรือกฎหมายแล้ว วิศวกรคุมงาน ปล่อยผ่านได้อย่างไร?
คำตอบคือ เพราะมันอาจไม่มีวิศวกร ผู้ตรวจคุมงาน ได้มาตรฐานจริงๆ
เพราะล่าสุด มีคนไปแจ้งความว่าเขาถูกอ้างชื่อไปใช้ว่าเป็น วิศวกรคุมงาน นั่นคือ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ตอนนี้ไปแจ้งความเพื่อยืนยันความบริสุทธ์ของตัวเองและให้ข้อมูลกับ DSI แล้ว เขายืนยันว่าเคยถูกบริษัทสร้างตึกนี้ติดต่อมาจริง แต่ก็เงียบหายไป และยืนยันว่าจากนั้นเขาไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโครงการนี้เลย และ ถูกปลอมลายเซ็นอย่างแน่นอน
สุดท้ายสาเหตุที่แน่ชัดของตึกถล่มในครั้งนี้ เราอาจต้องรอทางกรมโยธาธิการ ทำการจำลองโมเดลแผ่นดินไหวเพื่อพิสูจน์หาสาเหตุที่แน่ชัดของตึกถล่มในครั้งนี้ต่อไปว่าถล่มเพราะอะไร? เหตุสุดวิสัยเพราะแผ่นดินไหว หรือ จงใจประมาทเลินเล่อ หากเป็นไปตามอย่างหลัง เรื่องนี้ก็ควรต้องมีคนรับผิดชอบมากกว่าแค่การเยียวยา ผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุ ตึก สตง. ถล่มในครั้งนี้
ยิ่งขุด ยิ่งฉาว กับความหรูหราเกินจำเป็นภายใน ตึก สตง. ที่น่าคิดว่าหากไม่เกิดเหตุสลด จะถูกตรวจสอบความเหมาะสมเรื่องสเปคและงบประมาณในการใช้จ่ายหรือไม่?
- ห้องน้ำ ชั้น 11 ต้องมีฝักบัว มีห้องแต่งตัว นี่มันห้องทำงาน หรือ โรงแรม?
- ก๊อกน้ำราคาแพงกว่าราคาตลาด ตัวละ 8,000 ราคาตลาดขายแค่ 5,000 บาท เท่านั้น แถมยิ่งสั่ง ยิ่งแพง
- ฝักบัวทองคำ ราคา 10,000 บาทต่อหัว ราคาจริงอยู่แค่ 1,700 บาทเท่านั้น แพงกว่าถึง 9,500 บาทต่อหัว! เงินหายไปไหน?
ถ้าเป็นหน่วยงานอื่น มีหวังถูก สตง. ตรวจสอบยับถอนราก ถอนโคน ให้ลดสเปคแล้ว ให้ลดสเปคอีก อย่างแน่นอน
ไม่มีทางเล็ดลอดไปได้แม้แต่กระบิแดงเดียว แต่พอเป็นเรื่องตึกของตัวเองกลับใช้จ่ายเต็มที่ถึงน่าตั้งคำถามว่า ถ้าหากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การใช้งบประมาณแพงหูฉีก และสเปคข้าวของของทั้งหมดนี้ จะมีใครตรวจสอบความเหมาะสมของ สตง. ได้หรือไม่? และการอนุมัติงบประมาณโครงการนี้ ที่แปลกประหลาดผิดปกติมากมาย ใช้จ่ายเกินจำเป็น บริษัทนอมินีจีน เข้ารับงาน เหล็กก็มาจากบริษัทที่ถูกสั่งปิดไปปีก่อน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ สตง. ไม่รู้ หรือ แกล้งไม่รู้ กันแน่และใครเป็นคนอนุมัติ ? ต้องมีคนจาก สตง. รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?
สุดท้ายสิ่งที่ผู้เขียนอยากทิ้งไว้คือ " ตึกถล่มอาจหางบประมาณและที่ทางในการสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ความศรัทธาของประชาชน อาจเป็นสิ่งที่ สตง. ไม่อาจสร้างกลับคืนมาได้อีกต่อไปแล้ว"
" ถึงเวลาหรือยังที่เราควรร่วมมือกัน ชำแหละ ชำระ กระบวนการ คอร์รัปชั่น ที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ให้สิ้นซากไปเสียที อย่าปล่อยให้มันหากินได้ง่ายๆ จากภาษีของพวกเรา? "