
เป็นเวลามากกว่า 72 ชั่วโมง ที่บรรดาญาติของผู้สูญหายจากเหตุอาคาร สตง. ถล่ม หลังเกิดแผ่นดินไหว นั่งเฝ้ารอคอยบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับภาวนาขอให้ปาฏิหารย์บังเกิดขึ้น
“คือยังไม่หมดความหวัง ยังจะให้กำลังใจกัน ยังไม่คิดอะไรมากกว่า ถ้ายังไม่เจอ พวกเราก็ยังจะคิดว่า พี่น้องเรา ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ญาติของผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ใต้ซากตึกถล่ม กล่าวกับสำนักข่าว Reuters
วันที่เกิดแผ่นดินไหว หลายคนเมื่อมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ล้วนแต่ทำใจไม่ได้ แต่เมื่อนานวันไป พวกเขาก็เริ่มทำใจ แต่ก็ไม่เคยหมดหวัง จนกว่าจะได้เจอกัน
“มาแรก ๆ มาเห็นก็ทำใจไม่ได้ พอหลายวันผ่านมา ก็เริ่มทำใจได้แล้ว แต่ก็ยังภาวนา ขอให้เขามีชีวิต แต่ถ้าเขาไม่มีชีวิตแล้ว ก็ขอให้ได้ร่างเขาออกมา จะยังไงก็ช่าง ขอให้ได้เจอเขา” หญิงสาว วัยกลางคนบอกกับสำนักข่าว AFP ถึงความรู้สึกที่มาเฝ้ารอสามีเธอตั้งแต่วันแรกตึกถล่ม

สรุปข่าว
หลายคนเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นเสาหลักที่ต้องหาเลี้ยงดูคนอื่นให้อยู่สุขสบาย แม้ตัวเองจะต้องลำบากก็ตาม
ระหว่างที่รอฟังข่าว บางคนพยายามติดต่อญาติที่ติดอยู่ใต้ซากตึก หวังว่า จะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่หาพวกเขาพบ
“เราโทรแบบนับครั้งไม่ได้ วันหนึ่งถึง 200 สายได้ แต่ไม่ติด แต่เราก็อยากจะโทร เผื่อช่วงใด ช่วงหนึ่ง มันมีสัญญาณ เขาสามารถติดต่อเราได้ ขอความช่วยเหลือได้ เราจะได้รู้ว่า เขาอยู่ตรงไหน เป็นไงบ้าง เพราะเราเป็นห่วงเขา เราติดต่อเขาไม่ได้เลย เราก็อยากรู้” หนึ่งในญาติของผู้สูญหาย กล่าว
“เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นคนหาเงินให้ครอบครัว เขาคิดความหวังของครอบครัว ถ้าไม่มีเขา ครอบครัวก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อ เราอยากให้เขาปลอดภัย” เธอ กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
นับตั้งแต่เกิดเหตุ มีรายงานยืนยันผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 ราย สูญหายเกือบ 80 ราย
ผ่านมาแล้ว 3 วัน ญาติที่เฝ้ารอ ต่างทำทุกทาง เพื่อขอให้พ่อแม่ พี่น้อง หรือ ลูกหลาน ของพวกเขาได้ออกมา ต่อให้จะเป็นเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณก็ตาม
“ขอให้ปาฏิหารย์เกิดขึ้น ขอให้เจ้าหน้าที่หาเจอเร็ว ๆ ให้เจอง่าย ๆ ไม่ต้องลำบาก ถ้าเกิดว่า ยังอยู่ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ฟังเสียงชีพจรหัวใจ ถ้าเกิดไม่อยู่แล้ว ก็ขอให้ปล่อยกลิ่นออกมา ให้เจ้าหน้าที่ได้เจอเร็ว ๆ จะได้เอาไปทำพิธีตามประเพณี”
“หนูส่งเสียงให้เขา หนูจุดธูป จุดเทียนบอกเขา นำทางให้เขา บอกเขาว่า ‘หนูมาหาพี่แล้วนะ ถ้าพี่ได้ยินเสียงหนู ถ้าพี่ยังมีชีวิตอยู่ ช่วยส่งเสียงดัง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ได้ยิน ให้เขาได้เอาพี่ออกมา โดยเร็วที่สุด’”
“ถ้าเขารอดชีวิตออกมา หนูก็จะพาเขาไปวัดที่เขาศรัทธา จะพาเขาไปทำบุญ จะพาเขาไปบวชพราหมณ์ เพราะเขาเป็นเมียนมา เขาห่มผ้าเหลืองไม่ได้ หนูภาวนาแค่นั้นเลยตอนนี้”
นี่คือเสียงของบรรดาญาติ ที่เฝ้ารอคอยสมาชิกครอบครัวของพวกเขา โดยหวังว่า จะได้กลับบ้านด้วยกัน แม้ว่าการรอนั้น จะต้องรอแบบไม่รู้จุดหมายปลายทางเลยก็ตาม
ที่มาข้อมูล : Reuters, AFP
ที่มารูปภาพ : AFP

พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์