
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2568 ยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนซ์ (Perseverance) ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NASA) ได้ค้นพบหินลักษณะพิเศษบริเวณขอบของปล่องภูเขาไฟเจซีโร (Jezero Crater) บนดาวอังคาร โดยนักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อหินกลุ่มนี้ว่า “อ่าวเซนต์พอล” (St. Paul’s Bay)
หินที่ค้นพบมีลักษณะเป็นทรงกลมสีเทาเข้ม ขนาดหลายร้อยมิลลิเมตร บางก้อนมีรูพรุนขนาดเล็ก ทีมวิจัยของเพอร์เซเวียแรนซ์ระบุว่าการกำหนดต้นกำเนิดทางธรณีวิทยาของหินกลุ่มนี้อาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาวอังคารในช่วงเวลาหลายพันล้านปีที่ผ่านมา
“การวางลักษณะเด่นเหล่านี้ไว้ในบริบททางธรณีวิทยาจะเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำความเข้าใจแหล่งกำเนิด และความสำคัญของมันต่อประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาของปล่องเจซีโร และบริเวณโดยรอบ” ทีมเพอร์เซเวียแรนซ์ระบุในแถลงการณ์
บริเวณที่พบหินตั้งอยู่บนเนินเขาที่เรียกว่า "วิทช์เฮเซล" (Witch Hazel) ซึ่งมีความยาวกว่า 330 ฟุต หรือประมาณ 101 เมตร และมีชั้นหินซ้อนทับกันเปรียบเสมือนหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ของดาวอังคาร อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์คาดว่าหินทรงกลมกลุ่มใหม่นี้อาจถูกพัดพาหรือลอยมาจากพื้นที่อื่น

สรุปข่าว
นาซาเคยพบหินลักษณะทรงกลมบนดาวอังคาร
ในอดีตยานสำรวจของนาซา เช่น ออพเพอร์ทูนิตี้ (Opportunity) และคิวริออซิตี้ (Curiosity) ก็เคยพบหินที่มีพื้นผิวลักษณะคล้ายกันบริเวณหลุมอุกกาบาต Endurance และ Gale ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำใต้ดินกับรูพรุนในหิน นอกจากนี้ ยานเพอร์เซเวียแรนซ์เองก็เคยค้นพบหินลักษณะคล้าย “ป๊อปคอร์น” เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหลักฐานเพิ่มเติมของน้ำใต้ดินในอดีต
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่การก่อตัวของหินเหล่านี้จะเกิดจากกระบวนการภูเขาไฟ เช่น การเย็นตัวอย่างรวดเร็วของลาวาที่หลอมละลาย หรืออาจเป็นผลจากแรงกระแทกของอุกกาบาตที่ทำให้หินระเหยกลายเป็นไอและควบแน่นกลับมาเป็นรูปทรงกลม
“กลไกการก่อตัวแต่ละแบบจะส่งผลต่อวิวัฒนาการของหินแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทีมวิจัยจึงกำลังพยายามอย่างหนักในการระบุแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของหินเหล่านี้” แถลงการณ์ระบุเพิ่มเติม
ตัวอย่างหินดาวอังคาร 30 หลอด
ปัจจุบัน ยานเพอร์เซเวียแรนซ์อยู่ระหว่างการดำเนินภารกิจสำรวจขอบปล่องภูเขาไฟเจซีโร ซึ่งเชื่อกันว่าในอดีตอาจมีน้ำใต้ดินที่ปฏิสัมพันธ์กับหินจนก่อเกิดสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากพื้นปล่อง โดยยานได้เก็บตัวอย่างหินที่มีลักษณะโดดเด่น เช่น “ลายเสือดาว” และ “เมล็ดฝิ่น” ซึ่งอาจเป็นหลักฐานของจุลินทรีย์โบราณ ตัวอย่างเหล่านี้บรรจุอยู่ในหลอดโลหะขนาดเท่าซิการ์จำนวน 30 หลอด เพื่อรอให้ภารกิจ Mars Sample Return นำกลับมายังโลก
ภารกิจนำตัวอย่างกลับยังโลกดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการปรับแผนใหม่ หลังเผชิญกับความล่าช้าและต้นทุนที่สูงเกินคาด โดยบิล เนลสัน (Bill Nelson) อดีตผู้บริหารองค์การนาซ่า เปิดเผยเมื่อต้นปีนี้ว่า หน่วยงานจะเสนอแผนสำรองสองทางเลือกให้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) พิจารณา ทั้งนี้ แต่ละแผนจะต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐสภาไม่ต่ำกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10,148 ล้านบาท เพื่อเริ่มภารกิจส่งยานภายในปี 2030 และส่งตัวอย่างกลับมายังโลกระหว่างปี 2035 ถึง 2039
ที่มารูปภาพ : NASA/JPL-Caltech/LANL/CNES/IRAP

พีรพรรธน์ เชื้อจีน