พบทำเลทองผลิต “ไฟฟ้าจากคลื่นทะเล” ที่แอฟริกา ฟลอริดา และเวียดนาม สร้างกำลังการผลิตสูงสุดยิ่งกว่ากังหันลม !

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาแอตแลนติก (Florida Atlantic University: FAU) ในสหรัฐอเมริกาพบข้อมูลว่า ชายฝั่งในฟลอริดาและหลายพื้นที่ของประเทศในทวีปแอฟริกามีกระแสคลื่นรุนแรงและสม่ำเสมอสำหรับการใช้เครื่องผลิตไฟฟ้าจากคลื่นทะเล สามารถสร้างพลังงานได้สูงสุด 2,500 วัตต์ต่อตารางเมตร มากกว่าพลังงานจากกระแสลมแรงถึง 2.5 เท่า สะท้อนความเป็นไปได้ในการนำมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าที่สะอาด ยั่งยืน และคุ้มทุน

สรุปข่าว
หลักวิจัยหาพื้นที่เหมาะสมผลิตไฟฟ้าด้วยคลื่นทะเล
งานวิจัยดังกล่าวใช้ข้อมูลจากทุ่นวิจัยติดตามด้วยดาวเทียม (satellite-tracked buoy) จำนวน 1,250 ตัว ทั่วโลก ที่องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือโนอา (National Oceanic and Atmospheric Administration: NOAA) รับผิดชอบ ซึ่งบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับคลื่นทะเลกว่า 43 ล้านจุดข้อมูล (data point) ระหว่างเดือนมีนาคม 1988 จนถึงเดือนกันยายน 2021 หรือกว่า 30 ปี มาใช้วิเคราะห์ โดยในงานวิจัยได้พุ่งเป้าวิเคราะห์ไปยังทะเลในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แฟริกาใต้ แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ส่วนของบราซิล เฟรนช์กายอานา (French Guiana) เกาะโพ้นทะเลของฝรั่งเศส รวมถึงพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างแผนที่พลังงานในทะเล (Energy flux) ที่แม่นยำ ต่างจากงานวิจัยอื่น ๆ ที่เน้นการสร้างแบบจำลองจากคอมพิวเตอร์ หรือเป็นงานที่มีข้อมูลจริงในบางพื้นที่เท่านั้น
พื้นที่ศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าด้วยคลื่นทะเล
ผลวิจัยปรากฎว่า พื้นที่ทะเลทางชายฝั่งตะวันออกของฟลอริดาจนถึงนอร์ทแคโรไลนา และพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกกับตะวันออกเฉียงใต้ของแอฟริกา ได้แก่ โซมาเลีย เคนยา แทนซาเนีย แอฟริกาใต้ รวมถึงมาดากัสการ์ มีพลังงานในกระแสน้ำกว่า 2,500 วัตต์ต่อตารางเมตร มากกว่าค่าดัชนีกำลังการผลิตไฟฟ้าระดับสูงที่ได้จากกระแสลมที่ 1,000 วัตต์ต่อตารางเมตร ถึง 2.5 เท่า โดยกระแสน้ำที่ให้พลังงานจะพบในระดับความลึกที่ 300 เมตร
ในขณะเดียวกัน พื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ได้แก่ชายฝั่งญี่ปุ่น เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ตลอดจนชายฝั่งทางตะวันออกของออสเตรเลีย ต่างก็มีพลังงานในกระแสน้ำทะเลสูงกว่า 1,000 วัตต์ต่อตารางเมตร
นอกจากนี้ พื้นที่ทะเลที่มีกระแสคลื่นซึ่งสร้างพลังงานระหว่าง 500 - 1,000 วัตต์ต่อตารางเมตร มากกว่า 490,000 ตารางเมตรหรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของเขตที่มีกระแสน้ำทะเลรุนแรงทั่วโลก และมากกว่าพื้นที่อ่าวไทยที่ 320,000 ตารางกิโลเมตร ถึง 1.5 เท่า
อนาคตการผลิตไฟฟ้าด้วยคลื่นทะเล
แม้ว่านักวิจัยจะยอมรับว่างานวิจัยดังกล่าวไม่ได้นำปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าพลังงานที่ได้มาชั่งน้ำหนัก เช่น การรบกวนอุปกรณ์จากสัตว์น้ำที่ส่งผลต่อความแม่นยำของความเร็วและการเปลี่ยนระดับของทุ่น ตลอดจนปัจจัยจากกระแสน้ำที่มาจากเรือ และสัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อาจทำให้ค่าที่วัดได้ผิดเพี้ยนไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าชุดข้อมูลที่สรุปได้จากการวิจัยก็ยังสามารถบ่งชี้ศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าด้วยกระแสคลื่นทะเลทั่วโลก
ปัจจุบัน เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากคลื่นทะเลยังอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนา โดยมี 2 ลักษณะหลัก ได้แก่ เครื่องผลิตไฟฟ้าจากแรงดันน้ำของคลื่นทะเล เช่น เอ็กซ์เวฟ (xWave) ในสหรัฐฯ และเครื่องผลิตไฟฟ้าจากแรงดันอากาศของคลื่นทะเล เช่น OE35 จากไอร์แลนด์ ตามที่ TNN Tech เคยนำเสนอก่อนหน้านี้
ด้านงานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการรีนิวอะเบิล เอเนอร์จี (Renewable Energy) แล้ว หลังจากที่ส่งตรวจสอบเมื่อปี 2024 ก่อนที่จะอนุมัติการตีพิมพ์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ที่มาข้อมูล : Florida Atlantic University, Cosmos, Interesting Engineering
ที่มารูปภาพ : Photo by Matt Hardy: https://www.pexels.com/photo/blue-ocean-with-big-waves-9076584/

Thanaboon Soasawang