เปิดประวัติ 3 ตึกเทพในตำนาน ตึกช้าง - ใบหยก - สาธรยูนีค แผ่นดินไหวทำอะไรไม่ได้

เปิดประวัติ 3 ตึกเทพในตำนาน  ตึกช้าง - ใบหยก - สาธรยูนีค แผ่นดินไหวใหญ่ ทำอะไรไม่ได้

กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสูงและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง แต่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร จนส่งผลให้อาคารสูงหลายแห่งได้รับผลกระทบแตกร้าว หรือ พังลงเพียงชั่วพริบตา

แต่ยังมี 3 ตึกเก่าที่เป็นที่กล่าวขานของชาวโซเชียลในขณะนี้ ตึกช้าง ตึกใบหยก และตึกสาทรยูนีค ที่แรงสั่นสะเทือนไม่สามารถทำอะไรได้  แม้ว่าแต่ละตึกจะมีที่มาและจุดประสงค์ในการสร้างที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่พวกมันมีเหมือนกันคือ “ความแข็งแกร่งที่ไม่หวั่นไหวต่อกาลเวลา”   เรามาดูกันว่าแต่ละตึกมีประวัติความเป็นมาเป็นอย่างไร และ ใครคือผู้ออกแบบ

เปิดประวัติ 3 ตึกเทพในตำนาน  ตึกช้าง - ใบหยก - สาธรยูนีค แผ่นดินไหวทำอะไรไม่ได้

สรุปข่าว

ตึกช้าง ตึกใบหยก และตึกสาทรยูนีค เป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ และ ที่สำคัญคือมีความแข็งแกร่งทนทานแม้จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในกรุงเทพมหานคร เรามาย้อนดูกันว่าสร้างขึ้นเมื่อไร และ ใครเป็นผู้ออกแบบ

1. ตึกช้าง – ความคิดสร้างสรรค์แห่งรัชโยธิน


ตึกช้าง (Elephant Tower) เป็นหนึ่งในอาคารแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่แยกรัชโยธิน เขตจตุจักร อาคารนี้มีความโดดเด่นจากการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายช้าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย

ประวัติตึกช้าง
• ปีที่ก่อสร้าง: เริ่มสร้างในปี 2534 และแล้วเสร็จในปี 2540
• ความสูง: 32 ชั้น สูงประมาณ 102 เมตร
• พื้นที่ใช้สอย: ประมาณ 170,000 ตารางเมตร
• การออกแบบ: ออกแบบโดยสถาปนิก อาทิตย์ อุไรรัตน์ และ โอภาส ศรีพยัคฆ์
• โครงสร้าง: ประกอบด้วย 3 อาคารเชื่อมต่อกันเป็นรูปช้าง
• การใช้งาน: เป็นอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม และโรงแรม

ตึกช้างเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 ตึกที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลกโดย CNN ในปี 2011 และยังคงเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ของสถาปัตยกรรมไทย


2. ตึกใบหยก – หอคอยเสียดฟ้าของกรุงเทพฯ


ตึกใบหยกเป็นตึกระฟ้าที่มีชื่อเสียงและเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในย่านประตูน้ำ มีสองอาคารหลัก ได้แก่ ตึกใบหยก 1 และ ตึกใบหยก 2

ประวัติตึกใบหยก 1
• ปีที่ก่อสร้าง: แล้วเสร็จในปี 2531
• ความสูง: 151 เมตร (43 ชั้น)
• การใช้งาน: โรงแรมและศูนย์การค้า

ประวัติตึกใบหยก 2
• ปีที่ก่อสร้าง: 2539 – 2540
• ความสูง: 304 เมตร (88 ชั้น) รวมเสาอากาศ 328.4 เมตร
• การใช้งาน: โรงแรม, ศูนย์การค้า, จุดชมวิว
• จุดชมวิว: ชั้น 77 (ในร่ม) และชั้น 84 (ดาดฟ้าหมุน 360 องศา)

โดยผู้ออกแบบตึกนี้มีดีกรีไม่ธรรมดาแต่คือ นายสิน พงษ์หาญยุทธ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ปี 2560   เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบตึกทั้ง 2 แห่ง

ตึกใบหยก 2 เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย และยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่ชมวิวที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวของเมืองจากระดับความสูงที่น่าทึ่ง


3. สาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower)   – ตำนานตึกผีแห่งกรุงเทพฯ

ตึกสาทรยูนีค หรือ Ghost Tower เป็นหนึ่งในอาคารร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านสาทร-บางรัก เดิมทีถูกวางแผนให้เป็นคอนโดมิเนียมหรู แต่ต้องถูกปล่อยร้างเพราะวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540

ประวัติ “ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์”
• ปีที่เริ่มก่อสร้าง: 2533
• ผู้ออกแบบ: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดังและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
• จำนวนชั้น: 49 ชั้น
• ความสูง: ประมาณ 185 เมตร
• วัตถุประสงค์เดิม: คอนโดมิเนียมหรู
• สถานะปัจจุบัน: อาคารร้าง

การหยุดก่อสร้างเกิดจากผลกระทบของวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 และปัญหาด้านกฎหมายเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน นอกจากนี้ ตึกแห่งนี้ยังเป็นที่เล่าขานเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ มีรายงานว่าพบเงาปริศนาและเหตุการณ์ลึกลับต่าง ๆ ทำให้ได้รับฉายาว่า Ghost Tower


3 ตึกเทพในตำนานที่ไม่สั่นคลอน อัตลักษณ์แห่งเมืองหลวงกรุงเทพมหานคร

ตึกช้าง ตึกใบหยก และตึกสาทรยูนีค เป็นตัวแทนของความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมไทย แม้แต่แผ่นดินไหวหรือเหตุการณ์ร้ายแรงอื่น ๆ ก็ไม่สามารถลบเลือนเรื่องราวและความเป็นเอกลักษณ์ของพวกมันได้ อาคารเหล่านี้เป็นมากกว่าโครงสร้างทางกายภาพ แต่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยที่สะท้อนถึงความรุ่งเรือง ความคิดสร้างสรรค์ และความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพมหานคร

ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ตึกทั้งสามแห่งนี้ยังคงเป็นตำนานที่ยืนหยัดอยู่คู่เมืองอย่างมั่นคง

ที่มาข้อมูล : เรียบเรียงโดย TNN

ที่มารูปภาพ : Getty Images

avatar

ชญาภา ภักดีศรี