นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมาอัตราการระบายฝุ่นไม่ดี ทำให้ฝุ่นสะสมจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แม้วันนี้คุณภาพอากาศจะเริ่มดีขึ้นแต่ก็ต้องระวังไปอี 2-3 วันกว่าที่ค่าฝุ่นจะถูกระบายออกไป เนื่องจากสะสมหนาแน่นต่อเนื่องมานานหลายวัน คาดว่าประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะเริ่มดีขึ้น
สรุปข่าว
ทั้งนี้ในส่วนของแนวทางการแก้ปัญหา กรุงเทพมหานคร ได้มีข้อเสนอถึงรัฐบาล 11 ข้อ แต่ปรับลดลงเหลือ 10 ข้อ คือ ขอให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษ เนื่องจากข้อนี้ กรุงเทำมหานครสามารถดำเนินการได้เลย โดยได้ทำหนังสือไปยังปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา ซึ่งหากผ่านการพิจารณาแล้วจะช่วยให้กรุงเทพมหานคร มีอำนาจในการปรับแก้ระเบียบต่างๆเพื่อแก้ปัญหาได้ตามสภาพของพื้นที่ ล่าสุด ออกประกาศควบคุมพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเพราะพบว่าหลายแห่งมีความเสี่ยงจะทำให้เกิดเพลิงไหม้
โดยจากเดิมบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ปรับพินัย หรือ เป็นความผิดทางอาญาแต่เสียค่าปรับเพียงอย่างเดียว 2,000 บาท เพื่อเอาผิดกับเจ้าของที่ซึ่งปล่อยให้รกร้าง และเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้ หรือ เจ้าของที่ดินละเลยการดูแล หากเกิดเหตุไฟไหม้จะได้รับโทษที่หนักขึ้น คือ ใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุข มีโทษ จำคุก 3 เดือน ปรับ 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งแต่ละสำนักงานเขตได้ออกประกาศแจ้งเตือนข้อกฎหมายให้กับประชาชนรับทราบแล้ว เบื้องต้นสำรวจพบ 12 เขต มีจุดเสี่ยงที่รกร้างอาจเกิดเพลิงไหม้ เช่น เขตหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง บางขุนเทียน โดยเชื่อว่าการเพิ่มโทษให้สูงขึ้นจะเป็นยาแรงช่วยลดการเผา หรือ เกิดเพลิงไหม้ในที่รกร้างลงได้
ที่ปรึกษา พรพรหม ย้ำเพิ่มเติม ว่าการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร คือ การพัฒนาระบบการเดินทางขั้นพื้นฐานให้ประชาชนมีความสะดวกสะบาย สามารถเชื่อมต่อการเดินทางของขนส่งมวลชนได้ไม่สะดุด จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลงได้ และทำให้ลดการปล่อยฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากการเผาไหม้เครื่องยนต์ลงไปด้วย เพราะส่วนใหญ่ปัจจัยของฝุ่นในกรุงเทพ มาจากการเผาไหม้เครื่องยนต์และสภาพอากาศปิด ส่วนการเผาพื้นที่เกษตรรวมถึงพื้นที่โล่งแจ้ง ในกรุงเทพมหานครไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่ฝุ่นจากการเผาพัดมาจากจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจะต้องประสานความร่วมมือแก้ปัญหากันระหว่างเมือง