สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ( GISTDA) รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมแบบรายชั่วโมง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบค่าฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานคร มีผลกระทบต่อสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจในระดับแดง จำนวน 1 เขต โดยค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุด คือเขต บางกอกน้อย 75.6 ไมโครกรัม ส่วนเขตอื่นๆที่เหลือค่าฝุ่น PM2.5 เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ระดับสีส้ม ด้านของภาพรวมประเทศไทยในรอบเวลาเดียวกัน พบค่าฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจในระดับสีแดง 10 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ หนองบัวลำภู, หนองคาย, ศรีสะเกษ, อุดรธานี, ร้อยเอ็ด, บุรีรัมย์, สิงห์บุรี, สุรินทร์, กาฬสินธุ์ และ อุบลราชธานี และพบค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพในระดับสีส้ม กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ
สรุปข่าว
ขณะที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นควันในสัปดาห์นี้จะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้ศักยภาพในการระบายอากาศต่ำลง จากนั้นจะมีลมจากภาคเหนือ และภาคใต้พัดเข้ามาทำให้สถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะที่ดาวเทียมตรวจพบค่าฮอตสปอตในประเทศภูมิภาคอาเซียน อาทิ เมียนมา ลาว กัมพูชา และมาเลเซียมีจุด Hot Spot เพิ่มสูงขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับประเทศไทยที่มีลมนิ่งทำให้เกิดค่าฝุ่นสะสม ทำให้วานนี้ (2 ก.พ.) เวลา 13.00 น. ค่าฝุ่นในหลายประเทศในภูมิภาคบางเมืองตรวจค่าฝุ่นสูงกว่า 190 AQI
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (3 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ปภ.ช.ได้มีข้อสั่งการไปยังทุกจังหวัดให้จัดกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ และปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน ขณะที่ได้มีการกำชับให้ฝ่ายป้องกันและปราบปรามบังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุม ผู้เผาอย่างเคร่งครัด
ที่มาข้อมูล : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
ที่มารูปภาพ : AFP