

สรุปข่าว
วันนี้ ( 16 ก.ย. 62 )จากกรณีเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการตรวจยึดไปจาก วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน จังหวัดกาญจนบุรี และนำมาดูแลไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และเขาสน จังหวัดราชบุรี นั้น เกิดอาการป่วยตายไปแล้วถึง 86 ตัว
ล่าสุดนายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงเรื่องนี้ว่า สาเหตุการตายของเสือมาจากโรคอัมพาตลิ้นกล่องเสียง ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ในสัตว์กลุ่มเดียวกัน ทางคณะสัตวแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลที่ทำการรักษา ตั้งข้อสังเกตว่า เสือที่ตายเป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรงมาจากความใกล้ชิดของสายพันธุ์ เพราะเสือทั้งหมด เกิดจากเสือ 7 ตัวผสมพันธุ์กันจนได้เสือ 147 ตัว หรือมากกว่า 147 ตัวเพราะตอนตรวจยึดยังพบซากเสือที่ตายแล้วด้วย เมื่อเสือไม่แข็งแรง ดีเอ็นเอใกล้ชิดกันทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งสันนิษฐานว่ามีการติดเชื้อมาตั้งแต่วัดป่าหลวงตาบัว
นายประกิต ระบุว่าด้วยว่า โรคนี้เกิดขึ้นแล้วจะรักษาไม่หายมีโอกาสตายถึง ร้อยละ 80 และไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนที่เกิดจากการติดเชื้อที่มาจากสัตว์ในวงเดียวกันเช่นสุนัข สำหรับเสือที่ตายครั้งนี้ ตัวแรกได้ตายไปตั้งแต่ปี 2560 และทยอยตายจนถึงปัจจุบัน 86 ตัว ทางกรมอุทยานได้พยายามป้องกัน โดยการแยกเสือออกเป็นกลุ่ม ดูแลสภาพแวดล้อม อาหาร สุขภาพ และมีสัตวแพทย์รักษาโดยให้วัคซีนและผ่าตัด
สำหรับวิธีการรักษาและป้องกันเสือที่เหลือตอนนี้ได้แบ่งเสือออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ไม่แสดงอาการก็ให้เฝ้าระวัง กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่แสดงอาหารแล้ว แต่ไม่มากจะใช้วัคศีน ส่วนกลุ่มที่ 3 ที่อาการรุนแรง จะรักษาด้วยการผ่าตัดขยายหลอดลม
รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยังชี้แจงถึงการเก็บรักษาเสือที่ตายแล้วว่าได้นำซากเสือใส่พลาสติกขนาดใหญ่และใส่ฟอร์มาลีนและปิดฝาเก็บรักษาซากไว้ เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่าไม่มีการนำซากเสือไปใช้ประโยชน์และสามารถตรวจสอบซากเสือทั้งหมดได้ และจะเก็บไว้จนกว่าทุกคนยอมรับไม่มีข้อสงสัยก่อนจะทำลาย
ส่วนประเด็นที่วัดจะนำเสือที่เหลือกลับไปเลี้ยงดูยืนยันว่า คงไม่สามารถทำได้เพราะหากกลับไปอยู่สภาพเดิมแล้วถูกร้องเรียนก็จะต้องไปแก้ปัญหาในอนาคตอีก ซึ่งเรื่องนี้ทางอุทยานจะแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเวลา 13 นาฬิกาวันนี้
ที่มาข้อมูล : -