
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นขอหารือเรื่องการบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยืนยันว่าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ทันในสมัยการประชุมนี้ ตอนนี้จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อสุดท้ายที่อยากหารือกันในห้องประชุมแห่งนี้แทนที่จะตอบโต้ผ่านหน้าสื่อ เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้เพื่อเดินหน้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งนายวันนอร์ กล่าวว่า ตนเองได้รับการประสานว่านายรัฐพงษ์จะเข้าหารือกับตนเองเมื่อนั่งจากบัลลังค์แล้ว ซึ่งตนก็ยินดีและอยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีเช่นกัน แต่ก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับและกฎหมายซึ่งเรามีความเห้นต่างกัน อยากให้ไปหารือกันก่อน เพราะตอนนี้รัฐมนตรีมาเตรียมพร้อมที่จะมาตอบกระทู้แล้ว การมาหารือในห้องประชุมคงไม่ได้ข้อยุติ เพราะมองข้อบังคับไม่ตรงกัน จึงอยากเดินหน้าตามระเบียบวาระการประชุมตอนนี้ก่อน แต่นายณัฐพงษ์ ไม่ยอม ยังคงขอใช้เวลาในห้องประชุมสภาเล็กน้อย เพราะไม่ได้ต้องการถกเถียงประเด็นข้อกฎหมาย แต่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและสส. เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดรับชอบต่อประชาชนเอง ซึ่งยืนยันว่าได้ประสานหลังบ้านในการขอคุยกับประธาน แต่อยากให้มีความโปร่งใส ไม่มีข้อครหาจากประชาชนที่ติดตามการเมืองอยู่ // นายวันนอร์ จึงอนุญาตให้นายณัฐพงษ์ หารือในประเด้นดังกล่าว

สรุปข่าว
นายณัฐพงษ์ จึงกล่าวว่า เมื่อวานมีหนังสือด่วนที่สุดมาถึงตนเรื่องการโต้แย้งความเห็นที่เราเห็นไม่ตรงกันเรื่องการตีความรัฐธรรมนูญ ลงนามโดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จึงอยากถามว่าทุกถ้อยคำในหนังสือเป็นอำนาจของประธานสภาฯ และพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อทุกข้อสงสัยใช่หรือไม่ ซึ่งนายวันนอร์ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่รับผิดรับชอบ ยินดีรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่เกิดขึ้นจากเลขาฯ เพราะเลขาฯ ทำหน้าที่ตามที่คนของตนโต้แย้งไป // นายณัฐพงษ์ จึงถามต่อว่า ในหนังสือฉบับนี้มีการใช้คำว่า ข้อบกพร่องในเชิงเนื้อหา และให้แก้คำในญัตติเพราะไม่ได้กระทบต่อสาระสำคัญของญัตติ ดังนั้นหากฝ่ายค้านยอมแก้ญัตติในวันอภิปรายจริง ตนมีสิทธิ์เต็มที่ในการอภิปรายตามเนื้อโดยไม่ถูกระงับโดยประธานใช่หรือไม่ นายวันนอร์ ยืนยันว่า หากอภิปรายตามญัตติและข้อบังคับจะสามารถอภิปรายได้เต็มที่ไม่มีใครขัดขวางได้ ยกเว้นอภิปรายผิดข้อบังคับ ก็อาจจะมีผู้โต้แย้งได้ และประธานในที่ประชุมจะต้องพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตรงไปตรงมาตามข้อบังคับเพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยที่ ประชาชนก็อยากฟัง แต่ไม่ใช่อยากฟังการประท้วงกันไปมาจนสารัตถะของการประชุมที่ท่านต้องการและประชาชนอยากฟังมันขรุขระ ตนปรารถนาการประชุมที่มีเหตุมีผลตามที่ต้องการโดยไม่มีคนคอยประท้วง เพราะประชาชนจะเป้นผู้ตัดสิน
นายณัฐพงษ์ ถามต่อว่า ตามข้อบังคับการประชุมระบุไว้ชัดเจนว่าสมาชิกสามารถอภิปรายกล่าวถึงบุคคลภายนอกได้หากไม่ได้สร้างความเสียหายหรือถ้าเกิดความเสียหายผู้อภิปรายก็ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งการที่ประธานอ้างว่าไม่สามารถอนุญาตระบุชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร ในญัตติได้ เพราะเสี่ยงที่ประธานจะถูกฟ้องเอง ดังนั้นหากวันนี้พวกตนยินดีจะปรับญัตติจะสามารถเดินหน้าอภิปรายบุคคลใดก็ได้ โดยที่ผู้พวกตนรับผิดชอบเองใช่หรือไม่ ซึ่งนายวันนอร์ กล่าวว่า ตามที่ท่านกล่าวมา คงไม่ได้หมายความว่าผู้พูดจะต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ผู้ที่เป็นประธานในที่ประชุมซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลความเรียบร้อย หากไม่เป็นไปตามข้อบังคับจะถูกตำหนิ แต่ตนก็ยินดีหากท่านไม่พูดถึงบุคคลภายนอก ไม่ใช่แค่นายทักษิณ ชินวัตร จะนายรัฐพงษ์หรือใครก็ตามจะอภิปรายถึงได้ พร้อมชี้แจงว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป้นไปตามรัฐธรรมนูญ ม.151 ซึ่งระบุชัดเจนว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ หรือ รายบุคคลได้ แต่ถ้าในญัตติใส่ชื่อบุคคลภายนอกไปด้วย คงไม่สามารถทำได้ แต่ในการอภิปรายที่มีการเกี่ยงโยงโดยไม่ระบุชื่อคนก็เข้าใจได้ และไม่มีใครสามารถประท้วงได้ พร้อมย้ำว่า ไม่ได้บอกว่า แค่ ทักษิณ ไม่ได้ เป็นบุคคลภายนอกคนอื่นก็ทำไม่ได้
จากนั้นนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิทธิ์ในการประท้วงเป็นสิทธิ์ของเพื่อนสมาชิกคนอื่นที่เขาไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่พวกตนไม่อยากเห็นประธานวางตัวไม่เป็นกลาง ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ เพราะในหนังสือที่ประธานได้ตอบกลับตนมาการอภิปรายของสส.คนใด ที่เป็นเหตุให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ รมว. และ สส. ได้รับความเสียหาย ผู้อภิปรายคนนั้นต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้จะบรรจุญัตติหรือไม่บรรจุญัตติอยู่ที่ถ้อยคำในญัตติเป็นอำนาจของประธาน ซึ่งเราตีความต่างกัน เพราะเรามองว่าปรานไม่มีอำนาจวินิจฉัยในเนื้อสาระ วันนี้หากเรายอมปรับ อยากได้รับการยืนยันว่าประธานจะยึดตามข้อบังคับในการพูดถึงบุคคลภายนอกสามารถทำได้ ประธานจะไม่ขัดขวาง ซึ่งนายวันนอร์ กล่าวว่า ประธานไม่ได้รับผิดชอบว่าเขาจะฟ้องใคร แต่ต้องรับผิดชอบในเรื่องกติกา ข้อบังคับข้อ9 รักษาความเรียบร้อยในที่ประชุม จึงอยากขอความกรุณา ดังนั้นจะให้บอกล้วงหน้าว่าจะไม่ห้ามคงไม่ได้ เพราะตนยังไม่รู้ว่าใครจะพูดอะไร ไม่ใช่แค่นายณัฐพงษ์คนเดียว ยังมีสมาชิคนอื่น รัฐมนตรี หรือแม้แต่นายกฯ หากทำผิดข้อบังคับตนก็ต้องท้วงติง และยืนยันว่าตนไม่ใช่ประธานคนแรกที่ขอให้แก้ญัตติ เพราะนายอุทัย พิมใจชน เคยขอให้นายชวน หลีกภัย แก้ญัตติเพื่อให้การประชุมเดินต่อไปได้ การประชุมจะเอาความเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะมีการลงมติในสภา และประชาชนจะตัดสินใจเองในการเลือกตั้ง
จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ได้ขอหารือว่า เข้าใจความกังวลประธานว่าการจะอภิปรายบุคคลภายนอก อาจต้องเปิดพื้นที้ให้บุคคลภายนอกเข้ามาชี้แจง ตามข้อบังคับที่ 178 ทำให้นายวันนอร์ แย้งว่า หากเป็นญัตติอื่นๆ สามารถเปิดพื้นที่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาชี้แจงได้ แต่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องเป้นเรื่องของฝ่ายค้าน สมาชิก และคณะรัฐมนตรี ไม่มีข้อบังคับไหนอนุญาต แต่นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตามข้อบังคับที่ 76 อนุญาตให้ประธานอนุญาตให้รัฐมนตรีนำบุคคลภายนอกเข้ามาชี้แจงได้ เพื่อความสบายใจและความเป็นธรรมของนายทักษิณ จึงเสนอให้ประธานทำหนังสือถึงนายกฯ ทำให้สามารถพาบิดามาชี้แจงได้ จะคลายความกลัวและความกังวลของประธานได้ ซึ่งนายวันนอร์ กล่าวว่า ตนไม่เคยกลัว หรือระแวงในการทำหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับ
จากนั้นนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ขอหารือว่า เรื่องที่มีการขอหารือในวันนี้มีความสำคัญเพราะหากประธานใช้ดุลยพินิจว่าห้ามใส่ชื่อบุคคลภายนอกก็จะเป็นบันทัดฐานต่อไป ซึ่งตนได้ไปขนขวางข้อมูลย้อนหลังกว่า 40 ปี พบว่า หลายครั้งมีการพาดพิงบุคคลภายนอก แม่แต่ตัวนายวันนอร์เองที่มีการพาดพิงบริษัทเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และตนอยากชี้จงว่าการใส่ชื่อนายทักษิณเพียงต้องการทำหน้าที่ตรงไปตรงมาถูกต้องไม่ใช่การใช้ลีลาปิดบัง แต่ก็คงต้องตั้งคำถามว่าการให้ตัดชื่อนายทักษิณโดยอ้างข้อบกพร่อง ซึ่งเรายืนยันไม่เห็นด้วย นายวันนอร์ กล่าวว่า สิ่งที่พูดคุยกันอยู่นี้เป็นการอภิปรายประธาน ซึ่งตนก็ยินดี และในการอภิปรายในสภานี้มีการพาดพิงบุคคลภานยอกหลานครั้ง แต่เป็นญัตติการตั้งกรรมาธิการ แต่การอภิปราย ตามม. 151 เป็นเรื่องของ สมาชิก รัฐบาล และ ครม. ซึ่งต้องเป็นไปตามกติกา ซึ่งนอกจากรัฐธรรมนูญ ยังมีข้อบังคับอีกหลายข้อ โดยเฉพาะข้อ 176 อยากให้ไปดูให้ดี ตนไม่ได้ทำอะไรอย่างมีอคติยินดีแลกเปลี่ยนความเห็น
จากนั้นนายรังสิมันต์ ถามต่อว่า หนังสือที่ส่งมาถึงผู้นำฝ่ายค้านมันเกิดกำหนด 7 วัน ที่ให้แก้ไขข้อบกพร่อง จะวินิจฉัยอย่างไร นายวันนอร์ กล่าวว่า ตนได้หารือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอธิบายว่า การกำหนดดังกล่าวเพราะไม่ต้องให้เกิดการยืดเยื้อ ตนยืนยันว่าวันที่ 6 มีนาคม ที่เชิญผู้นำฝ่ายค้านไปคุยที่ห้องเพื่อแจ้งให้แก้ไขญัตติที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งชัดเจนกว่าแจ้งเป็นหนังสือ แต่ประเด็นนี้เล็กมาก ประเด็นใหญ่คือจะทำอย่างไรให้การอภิปรายดำเนินได้ดี ถ้าตนทำผิดตนก็ยินดีให้ดำเนินการตามม. 157 ได้

Sidapak Sakboonyarat
(Sidapak )
บรรณาธิการข่าวการเมือง TNN ช่อง 16