ปชป.หนุนแก้รธน.ทั้งฉบับ ตั้งสสร.แต่ต้องไม่แตะหมวด 1-2

นายจุรินทร์ ลักษณศิษฎ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการ ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในเบื้องต้นพรรคได้หารือกันก่อนที่จะมีการประชุมพรรคเช้าวันนี้ว่าพรรคเราชัดเจนมาแต่ต้นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือ สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และที่ผ่านมามีการเสนอแก้ไขมาหลายครั้งผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง แต่การแก้ไขมาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อนำไปสู่การตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ยกร่างใหม่ทั้งฉบับนั้น พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนและเคยเสนอมาแล้วแต่ถูกตีตกใน วาระ 3 ซึ่งการประชุม วันนี้ร่างไหนสอดคล้องกับจุดยืนพรรคไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 พรรคก็สนับสนุน แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 จึงมีคำถามว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง ดังนั้นการทำประชามติก่อนจะมีการพิจารณาวันนี้จึงเป็นข้อถกเถียงว่าถ้าทำไปเลย จะชอบด้วยรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้พูดคุยกันเบื้องต้นและตนจะเสนอคือ  สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดทำใหม่ทั้งฉบับโดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 แต่กระบวนการต้องชอบด้วยกฎหมาย และหากมีผู้ใดเห็นควรส่งศาลรัฐธรรมนูญก็ยินดีที่จะสนับสนุนเพื่อให้เกิดความชัดเจนทั้งนี้ หากมีความพยายามที่จะให้โหวตวาระ1วันนี้ให้ได้ ก็จะเสนอพรรคประชาธิปัตย์ให้แสดงตนไม่ประสงค์จะลงมติให้ชัดเจน เพื่อให้เห็นว่าเรามีเครื่องหมายคำถามเหมือนกันว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากยังไม่ทำประชามติก่อน

ส่วนถึงแนวทางพรรคร่วมรัฐบาลที่เห็นตรงกันว่าควรยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนเพื่อให้อธิบาย นายจุรินทร์ย้ำว่า สนับสนุนเช่นกัน เพราะเป็นประเด็นที่เสนอมาแล้ว ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้เมื่อปี 2563 แต่ที่ประชุมครั้งนั้นตีตกไปก่อนเลยยังไม่ได้คุยกัน
ปชป.หนุนแก้รธน.ทั้งฉบับ ตั้งสสร.แต่ต้องไม่แตะหมวด 1-2

สรุปข่าว

เกาะติดประชุมรัฐสภา พิจาณณาแก้รธน. ม.256 โดยนพ.“เปรมศักดิ์” ยื่นญัตติด่วนขอรัฐสภาส่ง ศร.วินิจฉัย อำนาจรัฐสภากถร่าง รธน.ม.256 และ และตั้ง ส.ส.ร. จัดทำฉบับใหม่ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมหนุนแก้รธน.ทั้งฉบับต้้งสสร.แต่ต้องไม่แตะหมวด1-2 และตัองชอยด้วยกฎหมาย ดีสุดคือยื่นศาลรธน.ถามเรื่องทำประชามติ

ด้านนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยภายหลังเข้ายื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา เมื่อเวลา 8:30 น. เรื่องขอเสนอญัตติด่วน ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง(2) ก่อนที่จะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย

โดยอ้างอิงว่าจากการฟังเสียงของสมาชิกรัฐสภายังมีความเห็นที่แตกต่างกันและยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้เพราะการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภามีมาแล้วหลายครั้ง  และมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญรัฐน 4/2564 ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อทำฉบับใหม่ต้องทำประชามติถามประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยก่อน โดยเมื่อเปิดประชุมจะอภิปรายถึงความสำคัญของญัตตินี้ 

“เราเห็นว่าจะข้ามขั้นตอนและยังไม่มีการทำประชามติ จึงขอรัฐสภามีมติขอให้ไปทำประชามติก่อน ส่วนประเด็นว่าประชามติที่จะทำทำประชามติกี่ครั้ง ก็เป็นความสับสนที่จำเป็นต้องยื่นญัตติในวันนี้ เพราะบางเสียงบอกว่าต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ส่วนหนึ่งบอกว่า3 ครั้ง ยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นทางการ ดังนั้นองค์กรที่ชี้ขาดว่าจะทำประชามติ2-3 ครั้งคือศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีคำวินิจฉัยแล้วจะผูกพันทุกองค์กร ไม่ว่ารัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรใด ดังนั้นวันนี้ขอใช้สิทธิ์สมาชิกรัฐสภาโดยมีผู้ลงชื่อครบถ้วน” นายเปรมศักดิกล่าว 

นายเปรมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีการยื่นญัตติวันนี้เป็นการขวางคำวินิจฉัยเมื่อปี 2564 ที่ชี้ไปแล้วว่าเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติว่า เป็นการวินิจฉัยว่าจะต้องให้ประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยเห็นชอบเสียก่อน แต่ขั้นตอนเห็นชอบคือการทำประชามติยังไม่มีข้อสรุปทำ 2 ครั้งหรือ 3 ครั้ง วันนี้จึงยื่นให้เกิดความชัดเจนว่าทำประชามติกี่ครั้ง เพื่อทำให้ความคลุมเครือมีความชัดเจนขึ้น โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยืนยันว่าการยื่นครั้งนี้ไม่ซ้ำซ้อนกับการยื่นครั้งก่อน เพราะครั้งก่อนเป็นการยื่นโดยไม่มีการบรรจุวาระ แต่ครั้งนี้มีวาระบรรจุในการประชุมแล้ว

และยืนยันว่าไม่ได้เป็นเกมสกัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ด้วยกลุ่ม สว. สีขาวเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการทำให้ถูกตามขั้นตอน เข้าตามตรอกออกตามประตูเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ซึ่งการที่บุ่มบ่ามกระทำการใดไม่ได้คำนึงถึงขั้นตอนหากมีความเสียหายเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ เราเป็นวุฒิสภาต้องมีวุฒิภาวะในการแก้ไขปัญหา จึงไม่อยากให้ใครมองว่าไปขัดขวาง แต่ส่งเสริมการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องทำให้ถูกตามขั้นตอน

เมื่อถามว่าการยื่นครั้งนี้จะทำให้การทำแล้วนูนเสร็จสิ้นทันภายในสมัยประชุมหรือไม่  นายเปรมศักดิ์ ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องบอกว่าให้ทันก่อนการเลือกตั้ง โดยเห็นว่าความคิดดังกล่าวเป็นความคิดแบบเผด็จการ ซึ่งไม่สามารถทึกทักเอาตามใจได้เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด จะทำแบบเงื่อนไขของแก้กฎหมายเล็กๆไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องให้ทันการเลือกตั้งต่อไป เพราะประชาชนไม่ได้มีประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง มีแต่พรรคการเมืองที่พยายามกำหนดให้ทันการเลือกตั้งปี 2570

ยังกล่าวถึงกรณีข้อสังเกตว่าการยื่นครั้งนี้มีพรรคการเมืองหนุนเบื้องหลังกลุ่ม  สว. สีขาว และแบ่งแยกจากกลุ่ม สว. สีน้ำเงิน ว่า ไม่ทราบว่ากลุ่ม สว. สีน้ำเงินเป็นอย่างไร แต่มีความคิดอิสระและไม่มีใครเข้ามาควบคุมการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ ส่วน สว. สีน้ำเงินจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ขอไม่ก้าวล่วง 

“มีแต่ สว. สีน้ำเงินก็ล่วงพวกผม มีการบีบให้สมาชิกวุฒิสภาถอนตัว จากญัตติด้วย แต่ก็มีเพียงจำนวนหนึ่งที่ถอนชื่อไปเราก็ไม่ว่าเพราะอาจจะเข้าใจผิด อาจจะเข้าใจผิดถึงขั้นว่าลงชื่อประชุมมีความผิด คิดว่าเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ถูกต้อง เพราะการลงชื่อเข้าประชุมเป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภา และการลงมติในรัฐสภาเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ใช่ลงมติแล้วจะถูกถอดถอนและมีความเสี่ยงอย่างที่เป็นข่าว อยากจะเตือนคนให้ข้อมูลในด้านที่ผิด และให้กลับไปอ่านหนังสือเสียใหม่ หากไม่เข้าประชุมถือเป็นการไม่รับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชน เลิกทำเสียเถอะลูกไม้ทางการเมืองแบบนี้เด็กอนุบาลตามทัน ใครคิดไม่ตรงกับตัวเองก็หาว่ามีเบื้องหลัง คนที่กล่าวว่าการประชุมรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำที่อาจจะสุ่มเสี่ยง คือการกระทำที่น่าละอายมากกว่า” นายแพทย์เปรมศักดิ์กล่าว 


ที่มาข้อมูล : tnn

ที่มารูปภาพ : tnn