วันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 08.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT 2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศโดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเรื่อง นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ของรัฐบาลว่า นับเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้ผู้บริการมีความสะดวก ไม่ต้องรอคิว ลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดการเสียเวลา นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ หากหน่วยงานไหนติดขัดเรื่องระบบที่ไม่ตอบสนอง ขอให้แจ้งมายังรัฐบาลได้
ส่วนประเด็นที่สองเรื่องหนึ่งอำเภอ หนึ่งทุนการศึกษา รัฐบาลมุ่งหวังให้โอกาสเด็กเรียนดีแต่ขาดแคลนทุน รวมถึงเด็กเรียนปานกลาง ไปศึกษาต่างประเทศ หวังให้นำความรู้ ประสบการณ์มาช่วยพัฒนาประเทศในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรี เล่าประสบการณ์ที่ตนเองเคยไป Summer Camp ทำให้ได้ประสบการณ์ เห็นวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ซึ่งก็มองเห็นศักยภาพของเด็กเยาวชนหากได้มีโอกาสไปเรียนที่ต่างประเทศ จะต้องนำความรู้กลับประเทศไทย และไม่ต้องการแค่เด็กที่เรียนท็อปเท่านั้นแต่ต้องการเปิดโอกาสให้เด็กที่เรียนกลาง ๆ ตั้งใจเรียน ได้รับโอกาสไปเรียนต่างประเทศประมาณ 5 - 6 อาทิตย์ อยากสร้างโอกาสตรงนี้ให้ สมัยพรรคไทยรักไทยได้มีการจัดทำโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน ต้องดูงบประมาณว่าจะขยายได้แค่ไหน
สำหรับ “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเป็นการตอบโจทย์ปัจจัย 4 เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน รัฐบาลต้องการให้คนมีแรงบันดาลใจ มีกำลังใจและความภาคภูมิใจที่มีบ้านเป็นของตัวเองนั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องการ
สรุปข่าว
จากนั้นนายกฯขอบคุณทุกแรงผลักดัน ช่วยให้กฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งมีผลบังคับ เมื่อ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า ดีใจกับคู่สมรสทุกคู่ ต้องขอขอบคุณทุกคน ทั้งของรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ สว. ถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับทุกคนเช่นกัน สร้างความเท่าเทียมไม่ต้องไปแบ่งแยก นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนที่ช่วยกันผลักดัน ต่อสู้มากว่า 20 ปี จนมีผลบังคับใช้สำเร็จ
ขณะที่เงินหมื่นเฟส 3 ยืนยันว่ามาแน่ ส่วนปัญหาอาชญากรรมเทคโนโลยี ได้เดินหน้าตัดวงจรอย่างเด็ดขาด โดยย้ำถึง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3 ล้านคน รวม 30,000 ล้านบาท ว่า ทำให้ประชาชนสามารถนำเงินหมื่นไปต่อยอดทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ขอชื่นชมกระทรวงการคลังที่ผลักดันนโยบายจนเกิดผลสำเร็จ พร้อมทั้งยืนยันว่า เงินหมื่นเฟส 3 มีแน่นอน สำหรับรายละเอียดทางกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด
ส่วนพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (พ.ร.ก.ไซเบอร์) นั้นอำนาจของ พ.ร.ก. นี้จะมีสิทธิ์ในการจับกุมผู้ที่มาตั้งเสาส่งสัญญาณตามแนวชายแดน หรือจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงอาชญากรรมไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้ง จะทำให้สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย สำหรับเหตุผลในการออกเป็น พ.ร.ก. เนื่องจาก ปัญหาประชาชนไม่สามารถรอได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติออกเป็น พ.ร.ก. และเร่งประกาศใช้เพื่อตัดวงจรหลอกลวงประชาชนให้เด็ดขาด
ส่วนผลสำเร็จในการประชุมดาวอส 2025 ไทยได้ลงนาม EFTA เพิ่มเปิดโอกาสการลงทุน และแสดงศักยภาพของอาหารไทยบนเวทีโลก ทั้งนี้ การเข้าร่วมประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิสเดือนมกราคม โดยนำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปด้วย ซึ่งเห็นว่าทิศทางของโลก เป็นอย่างไรทำให้เรา สามารถกำหนดทิศทางของเราให้เข้ากับโลกได้ ซึ่งมีขึ้นทุกเดือนมกราคม ดังนั้น นายกตั้งเรื่องไว้เลยว่าในเดือนมกราคมต้องมาประชุม
ส่วนความสำเร็จในเรื่องของ FTA การลงนามความตกลงเขตการค้าเสรี ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสประเทศไทย การลงนามสัญญา FTA ช่วยให้กฎเกณฑ์น้อยลงทำให้ง่ายต่อการลงทุน และการติดต่อมากขึ้น นี่คือโอกาสของคนไทย ไม่ใช่แค่ของบริษัทใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่โอกาส SMEs เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีการหารือคุยกับ Nestle CocaCola Bayer AstraZeneca และที่สำคัญ การจัด Thailand Reception ณ พื้นที่ตรงกลางศูนย์ประชุม เพื่อโชว์ศักยภาพประเทศไทยผ่านอาหารไทย ช่วงอาหารกลางวัน ทำให้ทั่วโลกต่างตื่นเต้นถือเป็นไฮไลต์ และทุกคนชอบอาหารไทยมาก CEO หลาย ๆ บริษัทมาชิมอาหารต่างก็ชอบมาก ที่สำคัญประธานที่จัดการประชุม WEF ซึ่งนั่งประชุมอยู่ในตึก ก็เดินออกมาข้างนอก เพื่อมารับประทานอาหารไทย รวมทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตที่ดาวอส มีวัตถุดิบของไทยไปขาย เป็นเรื่องน่าภูมิใจมากๆ
นายกรัฐมนตรี ยังประกาศยกระดับปัญหา PM 2.5 เป็นวาระแห่งอาเซียน เดินหน้ามาตรการลดฝุ่นทั่วประเทศ เพื่อคืนอากาศสะอาดให้คนไทยว่าช่วงวันที่ 20 - 24 มกราคม ได้เข้าร่วมประชุม World Economic Forum Annual Meeting 2025 ในช่วงเวลานั้นได้รับทราบรายงานข้อมูลจากทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เกี่ยวกับฝุ่นเข้าที่จะเข้าประเทศไทย จึงได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมก่อนวันเดินทาง โดยได้กำชับทุกกระทรวงให้ดำเนินการตามมาตรการที่ได้สร้างไว้อย่างเคร่งครัด ทุกกระทรวงดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเต็มที่
กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งดำเนินมาตรการเพิ่มมูลค่าใบอ้อยเพื่อลดการเผา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความรู้เกษตรกรเกี่ยวกับการจัดการเศษพืชโดยไม่ต้องเผา รวมทั้ง ส่งเสริมการไถกลบแทนการเผาซังข้าวโพด ลดการปล่อยฝุ่นจากภาคการเกษตร กระทรวงคมนาคมออกมาตรการให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าฟรีในกทม. ลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนถึง 500,000 คันต่อวัน เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากทางจิสด้า จุด hotspot ซึ่งปัญหาฝุ่นของทางประเทศไทยพบว่าลดน้อยลง
สำหรับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาระดับประเทศ แต่เป็นปัญหาระดับภูมิภาคที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศในอาเซียน มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานความร่วมมือกับทุกประเทศในอาเซียน เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่นข้ามพรมแดน ซึ่ง “การเจรจาทางการทูตเป็นกระบวนการที่ต้องมีลำดับขั้น แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น” รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และจะเดินหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง เพื่อคนไทยได้มีอากาศบริสุทธิ์ในการดำเนินชีวิต
ทั้งนี้ รายการ โอกาสไทยกับนายกแพทองธารจะดำเนินรายการในวันอาทิตย์แรกของต้นเดือน โดยรายการครั้งที่สองจะมีขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2568 เวลา 08:00 น. เป็นต้นไป