เตือนโควิดโอไมครอนผสมเดลตา กลายเป็นสายพันธุ์สุดอันตราย
แพทย์บริษัทโมเดอร์นาออกมาแสดงความกังวลว่าอาจเกิดลูกผสมของไวรัสกลายพันธุ์ ที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
ดร.พอล เบอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของโมเดอร์นา ออกมาแสดงความกังวลกรณีที่เจอไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน และไวรัสกลายพันธุ์เดลตา ที่กำลังระบาดหนักพร้อม ๆ กันในสหราชอาณาจักรในเวลานี้ว่า การติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ทั้ง 2 ตัวพร้อมกัน
"อาจเปิดโอกาสให้ไวรัสทั้ง 2 ตัว กลายเป็นไวรัสลูกผสม" ซึ่งนั่นหมายความว่า อาจเกิดการแลกเปลี่ยนยีนกันและกัน ที่อาจทำให้กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากกว่าเดิมได้ด้วย
ดร.เบอร์ตัน ระบุว่า ความกังวลนี้มีมากโดยเฉพาะบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และหากทั้ง 2 ตัวผสมกันจริง ก็อาจทำให้อาการต่าง ๆ ของการติดเชื้อโควิด-19 แย่ลงได้ด้วยเช่นกัน
ดร. เบอร์ตันชี้ว่า การระบาดของ "โอไมครอน" ที่ระบาดได้เร็วกว่าเดิม และการระบาดของ "เดลตา" ที่หนักหนาอยู่แล้วในสหราชอาณาจักร จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราจะละเลยไม่ได้
---เคยเกิดกรณีติดโควิด 2 สายพันธุ์พร้อมกันมาแล้ว---
ก่อนหน้านี้ ดร.อเล็กซานเดรอ์ เซมโยนอฟ หัวหน้าศูนย์วิจัยไวรัสวิทยาเวคเตอร์ของรัสเซีย ระบุว่า ปัจจุบันอาจมีใครสักคนที่พบว่าติดเชื้อทั้ง 2 ตัวพร้อมกันแล้วก็เป็นได้ แม้ว่ามันจะเป็นปรากฎการณ์ที่หายากก็ตาม แต่การกลายพันธุ์ที่มากขึ้น ก้จะส่งผลกับอวัยะต่าง ๆ ในร่างกายที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ทั้งนี้ ปกติแล้ว การติดเชื้อไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยนั้นมักจะเกิดจากไวรัสโคโรนาเพียงสายพันธุ์เดียว แต่บางกรณีอาจเป็นไปได้ที่ผู้ป่วยบางรายอาจติดไวรัส 2 สายพันธุ์พร้อมกัน โดยเฉพาะคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ใช่ว่าเกิดไม่ได้
เช่นก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม มีหญิงชราวัย 90 ปีในเบลเยียม เสียชีวิตหลังติดเชื้อกลายพันธุ์อัลฟาและเบตาพร้อมกัน ซึ่งเธอยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่อย่างใด
---อังกฤษอ่วมติดเชื้อโควิดพุ่งสูงสุดเฉียด 80,000 ราย---
"สหราชอาณาจักร" มีแนวโน้มการระบาดเลวร้ายลงอีกครั้ง ท่ามกลางการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” (Omicron) ที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลอาจต้องแบกรับภาระหนักอึ้งอีก
สหราชอาณาจักร พบผู้ติดเชื้อโควิดรายวันในวันพุธ (15 ธันวาคม) ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ไวรัสโควิดเริ่มระบาด อยู่ที่ 78,610 ราย แซงสถิติเดิม 68,053 รายในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่สหราชอาณาจักรเข้าสู่มาตรการจำกัดพื้นที่ และมีผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มอีก 165 ราย
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้ใช้มาตรการที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว หลังถูกถามว่า จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมเพิ่มเติมเพื่อป้องกันจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่
จอห์นสัน อธิบายว่า มาตรการต่าง ๆ ตามแผน บี (Plan B) และการรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็ม 3 ถือเป็น “2 ยุทธศาสตร์” ในการแก้ปัญหา และวัคซีนก็เป็นเครื่องมือที่เราไม่มีใช้เมื่อหนึ่งปีก่อน
สถิติรายวันในวันพุธยังพบด้วยว่า สหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือบูสเตอร์เข็ม 3 ได้ถึง 656,711 โดส สูงกว่าเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า 140,000 โดส
---อาจทำลายสถิติใหม่ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า---
ส่วนศาสตราจารย์คริส วิตตี ประธานเจ้าหน้าที่แพทย์ของอังกฤษ ซึ่งแถลงข่าวด้วย เตือนว่า สถิติผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มจะถูกทำลายอีกใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ เพราะอัตราการติดเชื้อยังพุ่งสูงต่อเนื่อง และเมื่อถูกถามว่า ประชาชนควรจะจัดงานปาร์ตี้ฉลองเทศกาลคริสต์มาส หรือปีใหม่หรือไม่
ศาสตราจารย์วิตตีตอบว่า ประชาชนไม่ควรไปรวมตัวกันจัดปาร์ตี้ และยังเรียกร้องให้ประชาชนตรวจหาเชื้อไวรัสก่อนไปเยี่ยมผู้ที่มีความเปราะบาง และหากเป็นไปได้ ต้องพบปะกันในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือกลางแจ้ง
ขณะที่ นายกรัฐมนตรีจอห์นสันที่อยู่ข้างวิตตี กล่าวเสริมว่า สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ทุกคนต้องรับวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็ม 3 พร้อมเตือนว่า ในหลายพื้นที่ อัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 2 วันนี้
เขากลัวว่า จะได้เห็นจำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ 10% อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ และเกือบ 1 ใน 3 อยู่ในกรุงลอนดอน ส่วนศาสตราจารย์วิตตี ยอมรับว่า ขณะนี้ สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของไวรัสโควิด 2 สายพันธุ์ คือทั้งโอไมครอน ที่ระบาดรวดเร็วมาก และเดลตา พร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ระบุว่า รัฐบาลจะไม่ยกเลิกเทศกาลคริสต์มาสด้วยการจำกัดการรวมตัวกัน หรือปิดผับ และร้านอาหาร แต่เตือนประชาชนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการสังสรรค์
—————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล และ สันติ สร้างนอก
ภาพ: gard.no