คุณแม่ยอดนักสู้แห่งแดนมังกร จากเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว สู่คลิปอาหารสร้างรอยยิ้มใน Douyin
หญิงชาวจีนที่ต้องเลี้ยงลูกชายพิการ แต่สามารถพลิกเรื่องราวความรุนแรงในครอบครัวและความยากจน ให้กลายเป็นวิดีโอทำอาหารสร้างรอยยิ้มในสังคมออนไลน์ของจีนได้
เหยื่อความรุนแรงในครอบครัว
“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อ ‘ลู่ มาม่า’ วันนี้ฉันกำลังจะทำ [ชื่ออาหาร] ให้เด็ก ๆ ทาน”
นี่เป็นวิธีการที่ “ลู่ อ้ายเหม่ย” มักพูดเปิดในวิดีโอทำอาหาร บนแอปพลิเคชัน Douyin (อ่านว่า โต่วอิน) หรือ TikTok เวอร์ชันจีน
เด็ก ๆ ในที่นี้ ลู่ หมายถึงลูก ๆ ของเธอ คนโตชื่อ จู เสี่ยวเฉียง วัย 39 ปี และลูกชายคนที่สอง จู เสี่ยวเมิ่ง อายุ 29 ปี ซึ่งทั้งคู่ป่วยเป็นโรคทางระบบประสาทที่รู้จักกันในชื่อ “โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง” หรือ “ALS” ทำให้ทั้งคู่เป็นอัมพาตตั้งแต่วัยรุ่น
ลู่ วัย 59 ปี มีชื่อเล่นว่า “มาม่า” ที่เหล่าผู้ติดตามบนโลกออนไลน์เป็นคนตั้งให้ ซึ่งเป็นคำที่คนจีนใช้เรียกเฉพาะผู้หญิงที่พิเศษ และเป็นที่เคารพ นอกเหนือจากแม่ของตัวเอง
สามีของเธอหูหนวก และเขายังชอบทำร้ายร่างกายคนในบ้าน ลู่ จึงเป็นผู้ดูแลลูก ๆ เพียงคนเดียวตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และเคยหาเลี้ยงชีพด้วยการนั่งขอทานตามท้องถนนด้วย
คลิปการทำอาหารที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ลู่ อ้ายเหม่ย” เป็นอดีตชาวนาจากมณฑลเหอหนาน ที่ไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียน ก่อนที่จะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหาร ที่มีผู้ติดตามบน Douyin มากกว่า 230,000 คน
วิดีโอการทำอาหารของลู่ มีมากกว่า 500 คลิป ได้รับการแชร์บนแพลตฟอร์มตั้งแต่เธอเริ่มเล่นเมื่อสองปีที่แล้ว และมีผู้กดถูกใจคลิปทั้งหมดกว่า 750,000 ไลก์
ลู่ กล่าวว่า เธอชอบนำความสุขมาสู่ผู้คน ด้วยการแบ่งปันวิดีโอเกี่ยวกับอาหาร แทนที่จะแสดงความทุกข์ยากให้ผู้อื่นเห็น
“ครอบครัวที่ยากลำบากอย่างฉัน ไม่อาจใช้เวลาทั้งวันนั่งร้องไห้หรือจมอยู่กับความทุกข์ เพราะเราควรมีความสุข” ลู่ กล่าว
และนั่นคือภาพลักษณ์ที่เธอปรากฏตัวต่อหน้ากล้อง เธอมักจะทักทายผู้ชมด้วยเสียงหัวเราะดัง ๆ และเลี้ยงลูกชายของเธออย่างสนุกสนาน เมื่อเสร็จสิ้นการทำอาหาร
ลูกชายผู้ช่วยในการทำคลิป
ลูกชายคนโต “เสี่ยวเฉียง” แขนขาเป็นอัมพาต และต้องถอดหลอดลมคอออก หลังจากติดเชื้อที่ปอดอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ ส่วนเสี่ยวเมิ่ง ลูกชายคนกลาง ซึ่งสูญเสียการควบคุมทั้งแขนและขา ยกเว้นนิ้วสองนิ้ว มีหน้าที่ตัดต่อและดูแลจัดการแอคเคาน์ Douyin
ลู่ กล่าวว่า เสี่ยวเมิ่ง มักจะใช้เวลาตลอดทั้งบ่าย ในการตัดต่อวิดีโอความยาว 1 นาที และตัวเธอเองก็ยังคงงุ่มง่าม หลังจากใช้งาน “เทคโนโลยีขั้นสูง” เป็นเวลาสองปี เธอยังบอกว่า อาจใช้เวลาถึงสองวันในการถ่ายวิดีโอสั้น ๆ เพียงคลิปเดียว
“ฉันไม่รู้วิธีปรับโฟกัสกล้องด้วยซ้ำ บางครั้งก็ลืมกดอัดคลิป บางครั้งก็เพิ่งรู้ว่าโทรศัพท์ไม่ได้เปิดเครื่อง หลังจากที่ทำอาหารเสร็จแล้ว” ลู่ หัวเราะ
สานฝันสู่ความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว
เธอเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับความทะเยอทะยานของเธอในอีคอมเมิร์ซ ไลฟ์สตรีมมิงที่เฟื่องฟูของจีน “ฉันแค่อยากเป็นที่สนใจมากขึ้น เพื่อที่จะสร้างรายได้จากการเป็นพนักงานขายบนไลฟ์สตรีม และจะได้ดูแลเด็ก ๆ ได้ดีขึ้น” เธอกล่าว
นอกจากเสี่ยวเฉียงและเสี่ยวเมิ่งแล้ว เธอยังมีลูกชายอีกคนหนึ่งที่ต้องเลี้ยงดู เขาเป็นเด็กสุขภาพดีอายุ 13 ปี
ลู่เล่าว่า สามีของเธอกลายเป็นคนใช้ความรุนแรง หลังจากสูญเสียการได้ยินอย่างกะทันหันเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และเมื่ออดทนกับการใช้ความรุนแรงของสามีไม่ไหวแล้ว ลู่ จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเกิดที่ จู้หม่าเตี้ยน กับลูกทั้งสามคนในปี 2012 และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน
“ครอบครัว” ที่พึ่งของกันและกัน
ลู่ อาศัยเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและการนั่งขอทานตามท้องถนน ลู่ จะพาเด็ก ๆ ไปกับเธอด้วยมอเตอร์ไซค์พ่วงเทรลเลอร์ และใช้เวลาหลายสัปดาห์บนถนน เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดทางใต้ เช่น ไหหลำ และกวางตุ้ง เธอเชื่อว่า เมื่อฤดูหนาวมาถึง อากาศอบอุ่นของที่นั่นจะดีสำหรับผู้ป่วย ALS
แต่เธอก็ต้องหยุดกิจกรรมเหล่านี้ในปี 2017 เมื่ออาการของเสี่ยวเฉียงแย่ลง เนื่องจากการติดเชื้อที่ปอดอย่างรุนแรง ทำให้ต้องมีคนช่วยกำจัดเมือกในช่องคอให้เขาเป็นประจำ เพื่อให้หายใจได้สะดวกและให้การบำบัดด้วยออกซิเจน
“แม่คืออากาศและน้ำสำหรับเรา...เธอเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่เรา” เสี่ยวเมิ่ง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
“เราเป็นเหมือนเสาไม้ที่ค้ำจุนกันและกัน มันอาจแตกสลายหากคนใดคนหนึ่งล้มลง” ลู่ กล่าว
—————
แปล-เรียบเรียง: พัชรี จันทร์แรม
ภาพ: Douyin