นิวยอร์กเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมรถติด ครั้งแรกของสหรัฐฯ
นิวยอร์กเริ่มเก็บค่าผ่านทางในบางพื้นที่เป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ท่ามกลางการต่อต้านจากหลายฝ่าย
รัฐนิวยอร์กได้เริ่มใช้มาตรการเก็บค่าผ่านทางสำหรับผู้ขับขี่ที่เข้าพื้นที่บางส่วนของเมือง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และกำลังนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างทางการท้องถิ่นกับประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์
เคธี่ โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้ประกาศในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ผู้ขับขี่ที่เข้าสู่พื้นที่ทางตอนใต้ของเซ็นทรัลพาร์คในแมนฮัตตัน จะต้องจ่ายค่าผ่านทางในช่วงกลางวัน จำนวน 9 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 310 บาท เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 4 มกราคม
มาตรการนี้เป็นการฟื้นฟูแผนที่เคยถูกระงับไปในเดือนมิถุนายน ซึ่งเดิมมีค่าผ่านทางพื้นฐานที่ 15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 517 บาท โดยโฮชูลกล่าวว่าแผนเดิมสร้างผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อชาวนิวยอร์กหลายประการ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันได้เรียกร้องให้ทรัมป์ ซึ่งเป็นชาวนิวยอร์กที่มีความมุ่งมั่นที่จะยกเลิกแผนนี้หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เข้ามามีส่วนร่วมในการยุติมาตรการดังกล่าว
พื้นที่โดยรอบเมืองนิวยอร์กได้แสดงความกังวลว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา และทำให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เหล่านั้นเดินทางเข้ามาในแมนฮัตตันได้ยากขึ้น
ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ม.ค.) ผู้พิพากษาได้ปฏิเสธคำขอของเจ้าหน้าที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ที่พยายามจะขัดขวางมาตรการนี้ ด้วยข้ออ้างว่ามาตรการจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ใกล้เคียง การปฏิเสธดังกล่าวทำให้แผนนี้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะเคยเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมายหลายครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงความยากลำบากในการเก็บค่าผ่านทางในประเทศที่รถยนต์มีบทบาทสำคัญ
แผนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และช่วยสนับสนุนการเงินสำหรับระบบรถไฟใต้ดินของนิวยอร์ก โฮชูลกล่าวว่าแผนนี้ได้รับการฟื้นฟูหลังจากการประเมินพบว่า การเก็บค่าผ่านทางในอัตราที่ต่ำกว่าจะสามารถบรรลุผลได้
เจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งในเขตต่าง ๆ ของนิวยอร์กซิตี้ รวมถึงกลุ่มการค้าผู้ขนส่งที่มีอำนาจ ได้ต่อต้านโครงการนี้ ขณะที่สมาคมผู้ขับแท็กซี่ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แม้ว่าผู้ขับขี่แท็กซี่ ทั้งที่จองล่วงหน้าและแท็กซี่สีเหลืองที่มีชื่อเสียงของเมือง จะไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วยตนเอง แต่ลูกค้าของพวกเขาจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
แผนนี้จะเก็บค่าผ่านทางจากผู้ขับขี่ที่เข้าสู่พื้นที่ใต้ถนนหมายเลข 60 ในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นเขตธุรกิจสำคัญ เช่น มิดทาวน์และวอลล์สตรีท โดยมีรถยนต์ประมาณ 700,000 คันที่เข้ามาในพื้นที่นี้ทุกวัน และจากปัญหาการจราจรติดขัดทำให้รถสามารถเดินทางได้เฉลี่ยเพียง 11 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในบางพื้นที่อาจช้ากว่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีการยกเว้นค่าผ่านทางสำหรับบางกลุ่ม และมีโปรแกรมส่วนลดสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย รวมทั้งผู้ขับขี่ที่เข้าสู่พื้นที่เก็บค่าผ่านทางมากกว่า 10 ครั้งต่อเดือน
ในขณะเดียวกัน ระบบการเก็บค่าผ่านทางสำหรับผู้ขับขี่เช่นนี้ได้ถูกใช้งานมานานในเมืองใหญ่ๆ อย่างลอนดอนและสตอกโฮล์ม ซึ่งเมืองต่างๆ ในสหรัฐฯ จะจับตามองผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการในนิวยอร์ก ทั้งในด้านการจราจรและรายได้จากค่าผ่านทาง
ข่าวแนะนำ