ติ๊กต็อกปัญหารุมเร้า แม้ผู้ใช้ทั่วโลกทะลุ 1 พันล้านคน
แอปพลิเคชันติ๊กต็อกมีผู้ใช้ทะลุ 1 พันล้านคน แต่ปัญหาและข้อจำกัดจากทั่วโลกก็ยังคงเพิ่มขึ้น
สำนักข่าว AFP รายงานว่า ตอนนี้จำนวนบัญชีผู้ใช้ติ๊กต็อกทั่วโลกมีมากกว่า 1 พันล้านคนแล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของติ๊กต็อก จากแอปพลิเคชันแชร์วิดีโอในวงแคบจนกลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียระดับโลก ได้ดึงดูดการจับตามองจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมโยงกับประเทศจีน
ที่สหรัฐอเมริกา ติ๊กต็อกถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจารกรรมข้อมูลและเผชิญกับความกดดันในการขาย โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาผ่านกฎหมายที่บังคับให้เจ้าของ ติ๊กต็อก คือ ไบต์แดนซ์ ขายแพลตฟอร์มนี้ภายในวันที่ 19 มกราคม เนื่องจากเชื่อว่าติ๊กต็อกอาจอนุญาตให้จีนเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ
หากไม่ทำเช่นนั้น แพลตฟอร์มจะถูกแบนในสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ติ๊กต็อกสูญเสียผู้ใช้ 170 ล้านคนในประเทศนั้น ด้านติ๊กต็อกยอมรับว่า พนักงานของไบต์แดนซ์ในจีนเคยเข้าถึงข้อมูลของชาวอเมริกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ส่งข้อมูลเหล่านั้นให้กับทางการจีนเพื่อปกป้องข้อมูล
ที่สาธารณรัฐแอลเบเนีย ห้ามใช้เป็นเวลาหนึ่งปี โดยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีแอลเบเนียประกาศว่ารัฐบาลจะปิดกั้นการใช้งานติ๊กต็อกเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ตั้งแต่ปี 2025 ซึ่งการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเหตุการณ์ที่นักเรียนอายุ 14 ปีถูกฆาตกรรม และอีกคนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ใกล้โรงเรียนในเมืองทิรานา โดยการต่อสู้เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากันทางออนไลน์บนโซเชียลมีเดีย
ขณะที่โรมาเนียสงสัยว่าติ๊กต็อกนั้นแทรกแซงทางการเมือง สหภาพยุโรปกำลังสอบสวนว่า การชนะของผู้สมัครประธานาธิบดีฝ่ายขวาจัด คาลิน จอร์เจสคู ในรอบแรกของการเลือกตั้งประธานาธิบดีของโรมาเนียได้รับการสนับสนุนจากการแทรกแซงของรัสเซียและการปฏิบัติที่เป็นพิเศษโดยติ๊กต็อกหรือไม่
ด้านที่สหภาพยุโรปสั่งยกเลิกฟีเจอร์กระตุ้นการใช้งาน โดยในเดือนสิงหาคม ติ๊กต็อกได้ยกเลิกฟีเจอร์ในแอปพลิเคชัน TikTok Lite ที่มีการให้รางวัลแก่ผู้ใช้งานที่ใช้เวลานานในการดูวิดีโอในฝรั่งเศสและสเปน หลังจากที่ถูกกดดันจากผู้กำกับดูแลของสหภาพยุโรป ในโปรแกรมรางวัลนี้ ผู้ใช้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถสะสมคะแนนจากการกดไลค์และดูวิดีโอเพื่อแลกกับสินค้าต่าง ๆ เช่น คูปองหรือบัตรของขวัญ ซึ่งฟีเจอร์ดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าอาจทำให้เกิด "ผลกระทบที่เสพติดมากเกินไป"
นี่เป็นการสอบสวนครั้งที่สามที่คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดการสอบสวนกับติ๊กต็อก ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการถูกปรับสูงสุดถึง 6% ของรายได้ทั่วโลก โดยติ๊กต็อกกล่าวว่าได้ดำเนินการ "มาตรการที่เข้มงวด" เพื่อลดการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และรัสเซียได้ปฏิเสธการแทรกแซงในการเลือกตั้ง
ด้านออสเตรเลีย ห้ามวัยรุ่นใช้ติ๊กต็อก โดยเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ถูกระงับการใช้งานโดยกฎหมายที่ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าถึงโซเชียลมีเดีย หากบริษัทโซเชียลมีเดียที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกปรับสูงสุดถึง 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 1 พันล้านบาท
ส่วนเรื่องของความท้าทายและข้อมูลเท็จ แอปพลิเคชันนี้ถูกกล่าวหาว่าเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ด้วยการแพร่กระจาย "ชาเลนจ์" ที่อันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาเลนจ์ที่เรียกว่า "blackout challenge" ที่ผู้ใช้งานต้องกลั้นหายใจจนหมดสติ
นอกจากนี้ วิดีโอประมาณหนึ่งในห้าบนหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญ เช่น การรุกรานของรัสเซียในยูเครน ถูกพบว่ามีข้อมูลเท็จหรือทำให้เข้าใจผิดในงานวิจัยของกลุ่มตรวจสอบข้อมูล NewsGuard
ข่าวแนะนำ