ยอดขายบังเกอร์ใต้ดินสำหรับหลบภัยนิวเคลียร์เพิ่มสูงขึ้น แม้ผู้เชี่ยวชาญจะกล่าวว่ามันไม่ได้ช่วยป้องกันอันตรายจากอาวุธนิวเคลียร์สักเท่าไหร่
บริษัทด้านความปลอดภัยชั้นนำระดับโลกออกมาเผยว่ายอดขาย "บังเกอร์" (bunker) ส่วนตัวสำหรับใช้หลบภัยใต้ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทั่วโลก ตั้งแต่บังเกอร์หลบภัยขนาดเล็กไปจนถึงบังเกอร์หลบภัยขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งอย่างหรูหราราวกับคฤหาสน์ใต้ดิน เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดภัยคุกคามของสงครามนิวเคลียร์ในยุคปัจจุบัน หลังจากพบว่างบประมาณของรัฐที่แบ่งให้กับการผลิตหรือซื้อขายอาวุธเพิ่มขึ้นเป็น 91.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
เบอร์นาร์ด โจนส์ และ ภรรยาของเขา ดอริส เผยว่าตอนนี้บ้านในฝันของพวกเขาไม่ใช่บ้านที่มีสระว่ายน้ำสำหรับฤดูร้อน หรือมีชุดโฮมเธียเตอร์เพื่อความเพลิดเพลินในช่วงฤดูหนาว แต่มันคือการมีบังเกอร์ หลบภัยใต้ดินที่เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พวกเขากล่าวด้วยว่าโลกไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
รอน ฮับบาร์ด ซีอีโอและเจ้าของโรงงานผลิตบังเกอร์แห่งหนึ่งเผยว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ต่อด้วยสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมไปถึงสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ก็เริ่มทำให้ยอดขายบังเกกอร์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาเล่าว่าในวันแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิคโจมตียูเครน ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาในโรงงานเพื่อขอซื้อบังเกอร์ตลอดทั้งวัน ลูกค้า 4 คนในวันนั้นตัดสินใจซื้อบังเกอร์ของเขาทันที ในขณะที่ลูกค้าอีกหลายคนซื้อส่วนประกอบต่าง ๆ ไปประกอบเข้ากับบ้านที่พวกเขากำลังต่อเติม ฮับบาร์ดยังยืนยันด้วยว่าบังเกอร์นั้นเหมาะสมกับทุกภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น
ด้านบริษัทวิจัยตลาด BlueWeave Consulting คาดการณ์ว่าตลาดซื้อ-ขายที่หลบภัยใต้ดินหรือบังเกอร์ของสหรัฐฯ จะเติบโตจาก 137 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วเป็น 175 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับการซื้อบังเกอร์มาไว้ที่บ้าน นักวิจารณ์บางกลุ่มออกมาเตือนว่าบริษัทผู้ผลิตบังเกอร์เหล่านี้กำลังสร้างการความเข้าใจผิด ๆ ให้กับประชาชนว่าหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น พวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้ กลุ่มนักวิจารณ์ยังแย้งด้วยว่าบังเกอร์ทำให้ผู้คนวางแผนการใช้ชีวิตอยู่แต่ในบังเกอร์และจะทำให้พวกเขาลืมความเป็นจริงของภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ที่อันตราย ซึ่งในความเป็นจริง เราทุกคนควรช่วยกันหยุดยั้งไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นตั้งแต่แรก เพราะมันจะทำให้มีคนเสียชีวิตนับล้าน ๆ คน
ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญภัยพิบัติของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่าบังเกอร์นั้นคือสิ่งไม่จำเป็น แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากคู่มือ 100 หน้ากระดาษของหน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับการรับมือภัยคุกคามจากระเบิดนิวเคลียร์ ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนออกห่างจากกําแพงด้านนอกอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อป้องกันอันตรายจากกัมมันตภาพรังสี