เกาหลีเหนือแทรกแซงระบบ GPS สร้างความกังวลว่าอาจกระทบต่อเที่ยวบินและการเดินเรือ ขณะที่ เกาหลีใต้ประกาศกร้าวเกาหลีเหนือจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป
วันนี้ (9 พฤศจิกายน) คณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ (JCS) และกองทัพเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์เตือนเรือและเครื่องบินพาณิชย์หลายสิบลำที่กำลังเข้าสู่น่านฟ้าบริเวณทะเลเหลืองให้เพิ่มความระมัดระวัง หลังจากมีรายงานว่าเกาหลีเหนือเปิดใช้ระบบแทรกแซงการระบุตำแหน่งทั่วโลก หรือ GPS มาตั้งแต่เมื่อวานและต่อเนื่องจนถึงวันนี้
ในแถลงการณ์ระบุว่า
เกาหลีเหนือกำลังดำเนินการยั่วยุเพื่อโจมตีระบบส่งสัญญาณ GPS โดยมีฐานปฏิบัติการที่เมืองแฮจูและเมืองแกซองของเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ยืนยันว่าปฏิบัติการของเกาหลีเหนือครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ทางทหารของกองทัพเกาหลีใต้ โดย JCS ยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติแทรกแซงในทันที พร้อมทั้งเตือนว่าจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทําของตน
ขณะที่ สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า การโจมตีระบบ GPS ในครั้งนี้มีผลกระทบน้อยกว่าเมื่อครั้งก่อนที่เกาหลีเหนือพยายามแทรกแซงในลักษณะเดียวกันเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือศึกษาจากมหาวิทยาลัยในกรุงโซลออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ยังไม่ชัดเจนว่าแรงจูงใจของเกาหลีเหนือในการโจมตีระบบ GPS คืออะไร แต่มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง อาจทำให้เครื่องบินที่ต้องอาศัยระบบ GPS ในการนำทางเกิดอุบัติเหตุ
ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเมื่อ “คิมจองอึน” ผู้นำเกาหลีเหนือเร่งเครื่องอวดโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ก้าวหน้าของเขา ซึ่งนอกจากความขัดแย้งกับฝั่งใต้แล้วเกาหลีเหนือยังเริ่มเข้ามาแทรกแซงสงครามในภูมิภาคอื่นเป็นครั้งแรกที่สร้างความกังวลให้หลายฝ่าย ในขณะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ เคยกล่าวในการหาเสียงไว้ว่า คิมจองอึน “คิดถึง" เขาโดยบอกเป็นนัยยะด้วยว่าเกาหลีเหนือจะ “ไม่ออกตัวแรง” เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม มิตรภาพที่ดูไม่น่าเป็นไปได้ของทั้งสองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อในอนาคตเมื่อทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ซึ่ง CNN วิเคราะห์ไว้ว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ 2.0 อาจต้องเผชิญกับผู้นําเกาหลีเหนือ ในเวอร์ชันที่ก้าวร้าวและอันตรายกว่าในสมัยแรกที่เขาเป็นประธานาธิบดี