'คาเธ่ย์แปซิฟิค' ต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ A350

จากกรณีการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากของสายการบิน คาเธ่ย์แปซิฟิค เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา จากความบกพร่องของเครื่องยนต์ ของเครื่องบินแอร์บัส A350 หลังจากเครื่องบินลำหนึ่งที่มุ่งหน้าไปยังเมืองซูริก ของสวิตเซอร์แลนด์ ถูกบังคับให้บินกลับฮ่องกงทันที พร้อมเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น

การตรวจสอบพบว่าส่วนประกอบของเครื่องบิน A350 จำนวน 15 ลำจากทั้งหมด 48 ลำ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์จากบริษัทผู้ผลิต Rolls-Royce ของอังกฤษ จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนใหม่ โดยเจ้าหน้าที่พบรูที่มองเห็นได้ในท่อเชื้อเพลิง พบเขม่าสีดำที่ส่วนท้ายของเครื่องยนต์หลัก ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณของไฟไหม้ โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับรอยไหม้ หากข้อบกพร่องกังกล่าวไม่ถูกตรวจพบและแก้ไขอย่างทันท่วงที สถานการณ์อาจทวีความรุนแรงกลายเป็นเหตุไฟไหม้เครื่องยนต์ และอาจทำให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนักในที่สุด

สำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (AAIA)เสนอคำแนะนำไปยังหน่วยงานความปลอดภัยการบินของสหภาพยุโรป (EASA) เพื่อเรียกร้องให้บริษัท Rolls-Royce พัฒนาข้อมูลความสมบูรณ์ในการบินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อกำหนดการตรวจสอบท่อร่วมเชื้อเพลิงรองของเครื่องยนต์ที่เกี่ยวข้อง

เหตุการณ์นี้เองทำให้สายการบินอื่น ๆ ในเอเชียดำเนินการตรวจสอบเครื่องบินรุ่น A350-900 และ A350-1000 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Rolls-Royce Trent XWB-84 และ XWB-97 ตามลำดับเช่นกัน

สำนักงานความปลอดภัยการบินของสหภาพยุโรปยังได้กำหนดให้มีการตรวจสอบเครื่องบิน A350-1000 อีกด้วย

มีเครื่องบินประเภทดังกล่าวจำนวน 86 ลำที่ให้บริการทั่วโลกตามข้อมูลของ EASA

ด้านกาตาร์แอร์เวย์เป็นผู้ให้บริการเครื่องบินรุ่น A350-1000 รายใหญ่ที่สุด โดยมีเครื่องบินในฝูงบินจำนวน 24 ลำ รองลมาคือคาเธ่ย์แปซิฟิคและบริติชแอร์เวย์ ซึ่งทั้งสองสายการบินให้บริการจำนวน 18 ลำ

ก่อนหน้านี้ ทั้งแอร์บัสและโรลส์-รอยซ์ กล่าวว่าพวกเขากำลังให้ความร่วมมือกับคาเธ่ย์ แต่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในระหว่างกระบวนการสอบสวนได้