ทรัมป์ตั้งคำถามแฮร์ริสเรื่องสีผิว

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน ตั้งคำถามว่า รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส พรรคเดโมแครต เป็นคนผิวดำหรือไม่ ในการให้สัมภาษณ์วานนี้ (31 ก.ค.) ที่งานรวมผู้สื่อข่าวผิวดำประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ 

ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า แฮร์ริสเป็นชาวอินเดียหรือเป็นคนผิวดำ และเขาไม่รู้ว่าแฮร์ริสเป็นคนผิวดำ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้ ที่เธอเหมือนจะกลายเป็นคนผิวดำ และขณะนี้เธอก็กำลังต้องการให้ตัวเองเป็นที่รู้จักว่าเป็นคนผิวดำ

ความเห็นของทรัมป์สะท้อนเรื่องเล่าที่ฝ่ายขวาจัดตกขอบและฝ่ายอนุรักษ์นิยมในสหรัฐฯ มักวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเชื้อชาติของแฮร์ริสในสื่อโซเชียล มีเดีย และกระจายข้อมูลผิด ๆ ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเชื้อชาติของแฮร์ริส

ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีแฮร์ริสว่า เป็นพวกหัวรุนแรง แม้ว่าจะพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์แล้วก็ตาม

ทรัมป์ยังสร้างความตึงเครียดได้ตลอด ในการปรากฏตัวเป็นครั้งแรกของเขาที่การประชุมประจำปีสมาคมผู้สื่อข่าวผิวดำแห่งชาติสหรัฐฯ ดังกล่าว โดยกล่าวโจมตีเอบีซี นิวส์ ว่า เขาคิดว่าสำนักข่าวนี้เป็นสำนักข่าวเฟค นิวส์ ทำให้ถูกโวยวายกลับจากผู้สื่อข่าวหลายคน เกิดความวุ่นวายจนกระทั่งประธานร่วมการประชุมผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ถึงกับขอลาออกเพื่อประท้วงทรัมป์

ด้านแฮร์ริสโต้กลับการถูกโจมตีเรื่องสีผิวจากทรัมป์ที่ว่า เธอเปลี่ยนเชื้อชาติเพราะหวังผลทางการเมือง ว่าเป็นแค่ลูกเล่นเก่า ๆ เดิม ๆ ของทรัมป์ในการแบ่งแยกและการไม่เคารพ ชาวอเมริกันสมควรได้พบกับคนที่ดีกว่านี้ ชาวอเมริกันสมควรมีประธานาธิบดีที่ไม่ตอบสนอง ด้วยวิธีสร้างความเป็นศัตรูและความโกรธเมื่อต้องเผชิญกับความจริง ประธานาธิบดีที่เข้าใจว่า ความแตกต่างของเราไม่ได้แบ่งแยกพวกเรา โดยแฮร์ริสกล่าวระหว่างพบกับกลุ่มคนผิวดำในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัสวานนี้

ทั้งนี้ แฮร์ริสได้ยืนยันมานานแล้วว่า ตัวเองเป็นชาวอเมริกันที่ผสมทั้งผิวดำและเอเชียใต้ มารดาของเธอเป็นคนอินเดีย ส่วนบิดาเป็นคนผิวดำ ทำให้แฮร์ริสสร้างประวัติศาสตร์เป็นทั้งชาวอเมริกันผิวดำคนแรก และเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก ที่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

แต่แฮร์ริสกลับมาถูกโจมตีเรื่องเชื้อชาติครั้งใหม่ทางออนไลน์อีกครั้ง นับตั้งแต่เธอได้เริ่มเปิดการรณรงค์หาเสียงในฐานะผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นคู่แข่งของทรัมป์ แทนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ถอนตัวออกไป

ก่อนหน้านั้น คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ซึ่งเป็นคนผิวดำ ตอบโต้ทรัมป์ทันทีอย่างเผ็ดร้อนว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นน่ารังเกียจและเป็นการเหยียดหยาม ไม่มีใครมีสิทธิ์มาบอกคนอื่นว่าเป็นใคร เชื้อชาติอะไร ไม่ใช่กงการอะไรของใคร

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความนิยมล่าสุดโดยรอยเตอร์ส/อิปซอสเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (30 ก.ค.) ปรากฏว่า สูสีมาก โดยแฮร์ริสนำทรัมป์เพียง 1 จุดด้วยคะแนน 43 ต่อ 42 แต่ยังเป็นเป็นแนวโน้มต่อเนื่องที่แฮร์ริสสามารถหดแคบช่วงห่างคะแนนนำของทรัมป์ ที่เคยนำประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงได้ในผลสำรวจก่อน ๆ หรือบางโพลถึงกับมีคะแนนขึ้นนำทรัมป์ไปได้