ไอทีล่มกระทบคอมพิวเตอร์ 8.5 ล้านเครื่องทั่วโลก

กรณีเหตุไอทีล่มกระทบหลายภาคส่วนทั่วโลกที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ของไมโครซอฟท์ รวมทั้งภาคการบิน ธุรกิจการเงิน บริการสาธารณสุขและอื่น ๆ ก่อนที่จะเริ่มมีการแก้ไขและกู้ระบบให้ทยอยกลับมาใช้การได้ตามลำดับตั้งแต่วันศุกร์ แต่ยังไม่เต็มระบบโดยสมบูรณ์และพบเกิดเหตุขัดข้องอยู่หลายภาคส่วนรวมทั้งพบยังมีผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมากตามสนามบินหลายแห่งทั่วโลกนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ บริษัทไมโครซอฟท์ แถลงคาดการณ์ว่า มีเครื่องคอมพิวเตอร์ 8.5 ล้านเครื่องทั่วโลก ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ข้อผิดพลาดจนระบบหยุดทำงาน จอสีน้ำเงินแห่งความตาย หรือ บลู สกรีน ออฟ เดธ ดังกล่าว และอาจถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ทางไซเบอร์ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังบริษัทความมั่นคงทางไซเบอร์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯที่ชื่อว่า คราวด์สไตรค์ ทำการส่งการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่เสียไปให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ใช้ปริมาณมาก

ไมโครซอฟท์ระบุด้วยว่า ตัวเลขเครื่องที่ได้รับผลกระทบ 8.5 ล้านเครื่อง ถือว่ามีจำนวนไม่ถึง 1% ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ทั่วโลก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มบริษัทที่ให้บริการภาคส่วนที่สำคัญ ต่างใช้ซอฟต์แวร์ของคราวด์สไตรค์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่บริษัทอย่างคราวด์สไตรค์ต้องใช้การตรวจสอบการควบคุมคุณภาพของการอัพเดตก่อนส่งให้ผู้ใช้ที่เป็นลูกค้า

ส่วนเหตุปั่นป่วนทางไซเบอร์ก่อนหน้านี้ เป็นการเรียกค่าไถ่ทางไซเบอร์ ด้วยการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ด้วยมัลแวร์ แรนซัมแวร์ ชื่อว่า ‘วอนนาคราย’ เมื่อปี 2017 ที่มีคอมพิวเตอร์ได้รับผลกระทบประมาณ 300,000 เครื่องในมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ที่ก่อความเสียหายใกล้เคียงกันเกิดขึ้นในอีก 1 เดือนต่อมา คือการโจมตีด้วยมัลแวร์ ‘นอตเพตยา’ (NotPetya) โดยยังเกิดระบบของเครือของบริษัท เมตา ล่มเป็นเวลา 6 ชั่วโมง เมื่อปี 2021 แต่ผลกระทบส่วนใหญ่จำกัดวงอยู่เฉพาะเครือเมตาและหุ้นส่วน บางบริษัทเท่านั้น

ขณะที่หน่วยงานหรือผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เตือนว่าอาจมีพวกมิจฉาชีพ ฉวยโอกาสจากเหตุไอทีล่มที่เกิดขึ้น โดยสำนักงานด้านไซเบอร์ในอังกฤษและออสเตรเลีย ออกมาเตือนประชาชนให้ระวังอีเมล์ โทรศัพท์ และ เว็บไซต์ปลอม ที่หลอกว่ามาจากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหวังผลประโยชน์จากผู้หลงเชื่อทางออนไลน์ได้  

จอร์จ เคิร์ตซ ประธานฝ่ายบริหารของคราวด์สไตรค์ ที่เรียกร้องให้ผู้ใช้ตรวจสอบความถูกต้องให้แน่ชัดว่ากำลังพูดหรือติดต่ออยู่กับผู้แทนของคราวด์สไตรค์อย่างเป็นทางการก่อนทำการดาวโหลดซอฟต์แวร์เพื่อซ่อมระบบ เพราะอาจมีพวกคนร้ายหรือมิจฉาชีพ พยายามหาประโยชน์จากเหตุการณ์ทางไซเบอร์ลักษณะนี้