UNGA หนุนสิทธิปาเลสไตน์ในการขอเข้าเป็นสมาชิกเต็มตัว
สมาชิกใหญ่สหประชาชาติ สนับสนุนสิทธิของปาเลสไตน์ในการขอเข้าเป็นสมาชิกยูเอ็นเต็มตัว และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติยอมรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิก
สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือยูเอ็นจีเอ (UNGA) ลงมติเมื่อวานนี้ (ศุกร์) สนับสนุนการขอเข้าเป็นสมาชิกยูเอ็นโดยสมบูรณ์ของปาเลสไตน์ ด้วยการยอมรับว่า ปาเลสไตน์มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมและเสนอแนะให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น หรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) พิจารณายอมรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิกอีกครั้งด้วย โดยมติของสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ซึ่งมีสมาชิก 193 ประเทศ เป็นการสำรวจทั่วโลกเพื่อสนับสนุนคำขอของปาเลสไตน์ในการเข้าเป็นสมาชิกยูเอ็นโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่จะรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากสหรัฐฯ ใช้สิทธิลงมติยับยั้ง หรือวีโต้ไปในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อเดือนที่แล้ว
สำหรับการโหวตของ UNGA เป็นเสมือนการสำรวจการให้การสนับสนุนต่อชาวปาเลสไตน์ แต่ด่านแรกที่ปาเลสไตน์จะได้เข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวของสหประชาชาติ จำเป็นจะต้องได้รับการรับรองจากที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเสียก่อน แล้วจึงส่งต่อมาที่สมัชชาใหญ่ หรือ UNGA เพื่อให้การรับรอง
เพราะ UNGA เพียงลำพัง ไม่สามารถที่จะให้การรับรองการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของ UN ได้ แต่ร่างมตินี้จะทำให้ชาวปาเลสไตน์ได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม นับตั้งแต่กันยายน 2024 เป็นต้นไป ซึ่งจะสามารถนั่งร่วมกับสมาชิก UN ในห้องประชุมได้ แม้จะไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนก็ตาม
ที่ผ่านมา ปาเลสไตน์ ผลักดันการเข้าเป็นสมาชิกเต็มตัวของยูเอ็น นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในฉนวนกาซา และการที่อิสราเอลขยายการตั้งนิคมในเขตเวสต์แบงก์ ที่อย่างหลังนี้ ยูเอ็นเองก็มองว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ปัจจุบัน ปาเลสไตน์ไม่ได้เป็นสมาชิกยูเอ็น แต่อยู่ในสถานะเป็นรัฐสังเกตการณ์ ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งเป็นการยอมรับโดยพฤตินัยถึงสถานะรัฐที่ได้รับการรับรอง โดย UNGA
ด้านผู้แทนปาเลสไตน์ในยูเอ็น ส่งจดหมายให้กับชาติสมาชิกยูเอ็นเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การสนับสนุนรับปาเลสไตน์เป็นสมาชิก จะเป็นเสมือนการผลักดันให้มีการแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐ – และนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ สำหรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในการตัดสินใจด้วยตัวเอง รวมถึงสิทธิในการได้เป็นรัฐอิสระ
ที่ผ่านมา ยูเอ็นสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐ ที่ให้ทั้ง 2 รัฐอาศัยอยู่เคียงข้างกัน ภายในเขตแดนที่ปลอดภัยและได้รับการรับรอง ซึ่งปาเลสไตน์ต้องการการเป็นรัฐในเวสต์แบงก์, เยรูซาเลมตะวันออก และฉนวนกาซา
ด้าน กิลาร์ด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสรราเอลประจำสหประชาชาติ ประณามร่างมติที่จะรับปาเลสไตน์ โดยย้ำว่าต่อให้รับรองปาเลสไตน์เป็นสมาชิก ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานภาพบนพื้นที่ในกาซาได้ พร้อมกับขู่ด้วยว่า หากมติได้รับการรับรอง ก็หวังว่าสหรัฐฯ จะหยุดสนับสนุนยูเอ็น และหน่วยงานต่าง ๆ ของยูเอ็น
เนื่องจากตามกฎหมายของสหรัฐฯ ระบุเอาไว้ว่า สหรัฐฯ จะไม่สามารถให้การสนับสนุนองค์กรใดของสหประชาชาติ ที่ให้สถานะสมาชิกภาพที่เต็มรูปแบบกับ "กลุ่ม" ที่ไม่ได้รับการรับรองการเป็นรัฐจากประชาคมโลก เหมือนกับที่สหรัฐฯ ได้ตัดงบสนับสนุนแก่องค์การ UNESCO หลังจากที่ปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกภาพแบบเต็มรูปแบบ
—————
ภาพ: Reuters
ข่าวแนะนำ