‘ปิดฉากการประชุมไตรภาคี’ เรียกร้องรัสเซีย-ยูเครนเปิดเจรจาสันติภาพโดยเร็ว ชี้ อาวุธนิวเคลียร์ต้องไม่ถูกใช้บนความขัดแย้ง
การประชุมไตรภาคีระหว่างจีน-สหภาพยุโรป-ฝรั่งเศส ณ กรุงปักกิ่ง เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน พร้อมหารือกับผู้นำยูเครน เพื่อเรียกร้องรัสเซีย-ยูเครนเปิดเจรจาสันติภาพโดยเร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ และต้องป้องกันไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ หากการหารือระหว่างผู้นำจีนกับผู้นำยูเครนเกิดขึ้นจริง จะนับเป็นการหารือครั้งแรกระหว่างจีนกับยูเครน นับตั้งแต่ปฏิบัติการในยูเครนเกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปี
---ปิดฉากประชุมไตรภาคี หนุนเจรจาสันติภาพยูเครน---
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส หลังเสร็จสิ้นการหารือไตรภาคีจีน-ฝรั่งเศส-อียู ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ (6 เมษายน) ว่า จีนสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และใช้วิถีทางการเมืองแก้ปัญหาวิกฤตยูเครน พร้อมเรียกร้องรัสเซียกับยูเครนเปิดเจรจาสันติภาพโดยเร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้
ด้านประธานาธิบดีมาครง กล่าวในการแถลงข่าวร่วม ระบุว่า ฝรั่งเศสและจีนเห็นพ้องกันว่า อาวุธนิวเคลียร์จะต้องไม่ถูกใช้ในความขัดแย้งยูเครน พร้อมเรียกร้องผู้นำจีนนำรัสเซียให้กลับมามีเหตุผล เหนือวิกฤตยูเครน
มาครง กล่าวด้วยว่า ยุโรปจะต้องต่อต้านความพยายามในการลดสัมพันธ์การค้า และสัมพันธ์การทูตกับจีน จากการที่จีนกำลังขัดแย้งประเทศตะวันตกในหลายประเด็น ตั้งแต่ไต้หวัน เทคโนโลยีอ่อนไหว และสัมพันธ์ใกล้ชิดของจีนกับรัสเซีย
แหล่งข่าวทางการทูตของฝรั่งเศส เผยว่า ประธานาธิบดีมาครงได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี ไม่จัดหาอาวุธให้รัสเซีย และผู้นำจีนได้ตอบกลับว่า “นั่นไม่ใช่สงครามของเขา” พร้อมระบุว่า จีนเต็มใจจับมือกับฝรั่งเศส พร้อมเรียกร้องประชาคมโลกให้รักษาการใช้เหตุและผล และร่วมมือกันหาทางออกด้วยวิถีทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตยูเครน หลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียดและการทำสิ่งใดที่จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์วิกฤตยูเครน ให้เลวร้ายมากขึ้น จนอาจบานปลายไปถึงขั้นที่ควบคุมไม่ได้
---‘สี จิ้นผิง’ พร้อมคุย ‘เซเลนสกี’---
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า การติดอาวุธให้กับผู้รุกรานถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน สิ่งนี้จะส่งผลเสียอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและจีน
ผู้นำสูงสุดสหภาพยุโรป หรือ อียู เปิดเผยด้วยว่า ในระหว่างหารือไตรภาคีเมื่อวานนี้ที่ปักกิ่งนั้น ประธานาธิบดีสีแสดงความเต็มใจ ที่จะหารือกับประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เมื่อถึงเวลาและสภาพการณ์ที่เหมาะสม พร้อมระบุว่า นี่เป็นเรื่องน่าสนใจและเป็นองค์ประกอบที่ดี
สำนักข่าว AFP รายงานว่า นักการทูตฝรั่งเศสที่เข้าร่วมประชุม ระบุว่า ประธานาธิบดีสีพร้อมจะโทรหาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเมื่อถึงเวลา
หากการหารือระหว่างผู้นำจีนกับผู้นำยูเครนเกิดขึ้นจริง จะนับเป็นการหารือครั้งแรกระหว่างจีนกับยูเครน นับตั้งแต่ปฏิบัติการในยูเครนเกิดขึ้นมานานกว่า 1 ปี
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส พร้อมด้วย เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อยู่ระหว่างเยือนจีนอย่างเป็นทางการนาน 3 วันตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (5 เมษายน) ตามคำเชิญของประธานาธิบดีสี
---ทั่วโลกจับตา การประชุมสุดยอด 3 ผู้นำโลก---
ในระหว่างการหารือไตรภาคีจีน ฝรั่งเศส อียู ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ ซึ่งทั่วทั้งโลกจับตามองการประชุมสุดยอด 3 ผู้นำโลกนี้อย่างใกล้ชิด ผู้นำทั้งสามมีการหารือในหลากหลายประเด็นตั้งแต่วิกฤติยูเครน อาวุธนิวเคลียร์ ไต้หวัน และสัมพันธ์ทางการค้า ดังนี้
ประเด็นนิวเคลียร์ ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ และจะต้องไม่เกิดสงครามนิวเคลียร์ ไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม และต้องคัดค้านการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมไปถึงต้องคัดค้านการใช้อาวุธเคมีไม่ว่าในสภาพการณ์ใด
ประเด็นวิกฤตความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ประธานาธิบดีสีเรียกร้องให้ฟื้นการเจรจาสันติภาพโดยเร็วที่สุดที่เป็นไปได้ และควรรับฟังความกังวลด้านเสถียรภาพของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สร้างสถาปัตยกรรมความมั่นคงที่ยั่งยืนและสมดุลขึ้นในยุโรป ประชาคมโลกควรร่วมมือกันรับมือผลกระทบจากวิกฤติยูเครนต่อโลก ทั้งด้านอาหาร พลังงาน การเงิน และการขนส่ง โดยเฉพาะลดผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา
ประเด็นไต้หวัน ฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า เสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน มีความสำคัญสูงสุด
ประเด็นสัมพันธ์การค้า ฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวต่อผู้นำจีนว่า ปัญหาความสัมพันธ์ทางการค้าจีน-อียู คือ มีความไม่สมดุลเพิ่มมากขึ้น
---การวางตัวเป็นกลางของจีน บนวิกฤตความขัดแย้ง---
การเยือนจีนของมาครง มีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 ท่ามกลางแรงจากตะวันที่ต้องการให้จีนช่วยผลักดันให้เกิดสันติภาพในยูเครน
ทั้งนี้ จีนวางตัวเป็นกลางอย่างเป็นทางการต่อวิกฤตยูเครน และประธานาธิบดีสีไม่เคยประณามการรุกรานของรัสเซีย
มาครง กล่าวว่า เขาต้องการ "เป็นกระบอกเสียงที่รวมยุโรปเป็นหนึ่งเดียว" เหนือวิกฤตยูเครน และการไปเยือนจีนพร้อมกับฟอน เดอร์ เลเยนก็เป็นการเน้นย้ำความสอดคล้องของแนวทางดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ จีนได้เสนอแผนสันติภาพ 12 ข้อ สำหรับวิกฤตยูเครน โดยเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดระดับความรุนแรงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนำไปสู่การหยุดยิงอย่างครอบคลุม
แผนส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธโดยตะวันตก เนื่องจากจีนปฏิเสธที่จะประณามรัสเซีย จากนั้นสหรัฐฯ และนาโตก็ระบุว่า ว่าจีนกำลังพิจารณาที่จะส่งอาวุธให้รัสเซีย ซึ่งจีนปฏิเสธ
ส่วนท่าทีฝั่งรัสเซีย ยืนกรานเมื่อวานนี้ (6 เมษายน) ว่า ไม่มีทางเลือกนอกจากกดดันด้วยการรุกยูเครน
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จีนมีศักยภาพในการไกล่เกลี่ยที่มีประสิทธิภาพและสั่งการได้ แต่สถานการณ์กับยูเครนนั้นซับซ้อน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีข้อตกลงทางการเมืองเกิดขึ้น
—————
แปล-เรียบเรียง: เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: