พิษสถานการณ์ฉุกเฉินเปรู นทท.ตกค้างเดินทางออกจากพื้นที่ได้แล้ว
นทท.ต่างชาติจำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในเปรูเนื่องจากมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลใหม่ จนต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้ขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับบ้านแล้ว
วันนี้ ( 19 ธ.ค. 65 )รัฐมนตรีท่องเที่ยวและพาณิชย์ของเปรูเผยว่า นักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่จะเดินทางออกจากเปรูครบหมดทุกคนภายในวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่นเป็นอย่างช้าที่สุด นักท่องเที่ยวประมาณ 4,500 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปและอเมริกาเหนือรีบเร่งเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติในเมืองกุสโก เพื่อขึ้นเครื่องบินออกจากเปรู หลังจากที่ต้องตกค้างหลายวันเพราะการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ที่ส่งผลให้มีการปิดถนน 70 จุดทั่วประเทศ และมีผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงเพิ่มขึ้นเป็น 19 คน บาดเจ็บ 569 คน
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมเปรูกล่าวว่า แนวโน้มการประท้วงเริ่มลดลงแล้ว แต่ทางการยังคงเฝ้าระวังอยู่ สถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ผ่านพ้นไป และวิกฤตยังคงดำเนินอยู่ การก่อเหตุรุนแรงที่มีการจัดตั้งมุ่งสร้างความเสียหายให้แก่ท่าอากาศยาน ทางหลวง ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ทหารกำลังทำให้สถานการณ์ตามท้องถนน ท่าอากาศยาน และในเมืองทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังไม่เรียบร้อยทั้งหมด
ด้านประธานาธิบดีดินา โบลูอาร์เต แถลงทางโทรทัศน์ทั่วประเทศยืนกรานอีกครั้งว่า จะไม่ลาออกตามกระแสประท้วงเพราะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ เธอจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่ารัฐสภาจะร่นการเลือกตั้งครั้งหน้าให้เร็วขึ้น เธอเสียใจที่การประท้วงบานปลายไปทั่วประเทศและมีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่เกิดจากการปะทะกับหน่วยงานความมั่นคงในขณะที่ประเทศอยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอระบุว่า ทหารออกมาดูแลและปกป้องประชาชนจากการประท้วงที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่มีการวางแผนมาก่อน
โบลูอาร์เต วัย 60 ปี เป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 1 ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม หลังจากประธานาธิบดีเปโดร กาสติลโญ วัย 53 ปี ถูกจับกุมเพราะพยายามประกาศยุบสภาในขณะที่กำลังถูกสมาชิกสภาดำเนินกระบวนการลงมติถอดถอนจากตำแหน่ง ผู้ประท้วงต้องการให้ปล่อยตัวเขา ต้องการให้นางโบลูอาร์เตลาออก และต้องการให้ยุบสภา กาสติลโญถูกกล่าวหาว่า เป็นกบฏและสมคบคิด มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปีหากมีความผิด อัยการได้สั่งควบคุมตัว 18 เดือนระหว่างรอการพิจารณาคดี
ภาพจาก : รอยเตอร์