เตือน! คลื่นความร้อนทวีความรุนแรงสุดขั้ว จนมนุษย์ไม่สามารถอยู่รอดได้
สหประชาชาติและกาชาดสากล เตือนคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงสุดขั้วหลายภูมิภาคของโลก จนทำให้มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
สหประชาชาติและกาชาดสากล เตือนคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงสุดขั้วหลายภูมิภาคของโลก ภายในเวลาหลายทศวรรษนี้ ทำให้มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (OCHA) และสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) เผยแพร่รายงานล่วงหน้าก่อนการประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ COP27 ในประเทศอียิปต์เดือนหน้า โดยคาดการณ์ว่า คลื่นความร้อนจะเกินขีดจำกัดทางสรีรวิทยาและสังคมของมนุษย์ อย่างในเขตภูมิภาคซาเฮล, จะงอยแอฟริกา และเอเชียใต้และตะวันตกเฉียงใต้
สภาพอากาศร้อนรุนแรงจะก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่และการสูญเสียชีวิตจำนวนมาก และคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นหลายประเทศในปีนี้ บ่งชี้ให้เห็นถึงอนาคตว่า จะเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมที่เกี่ยวกับคลื่นความร้อนหนักขึ้น รุนแรงขึ้นและถี่ขึ้น
ทั้งสององค์กร บอกด้วยว่า มาตรการเชิงรุกจำเป็นต้องนำมาใช้ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจากคลื่นความร้อนที่อาจเกิดขึ้นอีก โดยการดำเนินการเชิงรุกอย่างเร่งด่วนเท่านั้น ที่อาจบรรเทาผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากสภาพอากาศร้อนสุดขั้ว
รายงานยังระบุว่า มีข้อจำกัดชัดเจนเกินกว่าที่คน จะเผชิญกับความร้อนรุนแรง และความชื้นสูง จนไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดความร้อนสูงเกินกว่าที่สังคมอาจพบว่า เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติที่ทุกคนจะสามารถปรับตัวได้
จากผลการศึกษาที่รายงานใช้อ้างอิง ผู้ที่มีฐานะยากจนจำนวนมากในภูมิภาคที่เผชิญกับสภาพอากาศร้อนสุดขั้ว จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 700 ภายในปี พ.ศ.2593 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกาตะวันตก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานระบุว่า อัตราการเสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนสุดขั้วในอนาคตที่คาดการณ์ไว้นั้น จะเพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ โดยเปรียบเทียบได้กับความรุนแรงของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งทุกชนิด หรือโรคติดต่อทั้งหมดภายในสิ้นศตวรรษนี้ แรงงานด้านการเกษตร, เด็ก, ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ตกอยู่ในความเสี่ยงสูง
รายงานบอกด้วยว่า หากไม่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง โลกก็จะเผชิญกับระดับของคลื่นความร้อนสุดขั้วที่ไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน
ภาพจาก AFP