TNN ฝีดาษลิงระบาดหนักในฤดูร้อน? จับตาอาจแพร่เชื้อผ่านเพศสัมพันธ์

TNN

World

ฝีดาษลิงระบาดหนักในฤดูร้อน? จับตาอาจแพร่เชื้อผ่านเพศสัมพันธ์

ฝีดาษลิงระบาดหนักในฤดูร้อน? จับตาอาจแพร่เชื้อผ่านเพศสัมพันธ์

ผู้เชี่ยวชาญเตือน “ฝีดาษลิง” ระบาดหนักในช่วงฤดูร้อน จับตาอาจแพร่เชื้อผ่านเพศสัมพันธ์ หลังระบาดแล้วกว่า 15 ประเทศ

สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า WHO ได้จัดประชุมเร่งด่วน หลังเกิดการระบาดของโรคฝีดาษลิง พร้อมเตือน อาจเกิดการระบาดรุนแรงในฤดูร้อน และอาจติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์


---อาจติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์?---


ที่ปรึกษาอาวุโสขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า การระบาดของฝีดาษลิงดูเหมือนจะแพร่ระบาดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และเตือนว่า จำนวนผู้ป่วยอาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน ในระหว่างที่ผู้คนเข้าร่วมงานประจำปีและเทศกาลสำคัญต่าง 


เมื่อวันศุกร์ (20 พฤษภาคมเดวิด เฮย์แมนน์ ประธานคณะกรรมการให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และวิชาการ หรือ STAG ของ WHO เป็นผู้นำการประชุม “เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน


เฮย์แมนน์ กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญกำลังพัฒนาแนวทางสำหรับประเทศต่าง  หลังพบผู้อาศัยในนครนิวยอร์ก มีผลตรวจเชื้อไวรัสออร์โธพอกซ์ หรือ Orthopoxvirus เป็นบวก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฝีดาษลิง


เขากล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า WHO กำลังตรวจสอบทฤษฎีที่ว่า เคสต่าง  ที่ระบุได้ อาจมาจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์


สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นในตอนนี้ คือ มันอาจระบาดเข้าสู่ประชากรในรูปแบบการสืบพันธุ์ และกำลังแพร่ระบาดแบบเดียวกับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลก” เฮย์แมนน์ กล่าว


---“ฝีดาษลิง” ไม่เหมือนโควิด-19---


เฮย์แมนน์ ยังกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญมีแนวโน้มที่จะให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่ประเทศต่าง  ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในหลายประเทศ ได้เตือนว่า ยอดผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นอีกในช่วงฤดูร้อน


เฮย์แมนน์ กล่าวว่า การระบาดของโรคฝีดาษลิงนั้นไม่เหมือนกับช่วงแรก  ของเชื้อโควิด-19 เนื่องจากโรคฝีดาษลิงแพร่ระบาดได้ยาก และมีวัคซีนป้องกัน ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้คนสามารถป้องกันตัวเองได้ 


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า คำเตือนมีขึ้นในขณะพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC กำลังสืบสวนเพื่อตรวจสอบว่า โรคหายากนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่


ด้านนักระบาดวิทยาได้เริ่มติดต่อกับผู้ที่อาจเคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อไวรัสออร์โธพอกซ์ โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า พวกเขาจะพยายามตรวจสอบว่าผู้ป่วยในนครนิวยอร์กติดเชื้อได้อย่างไร


---ติดต่อผ่านการสัมผัสของเหลว---


ไวรัส “ฝีดาษลิง” มาจากสัตว์ป่า รวมทั้งสัตว์มีเขี้ยวและสัตว์กลุ่มไพรเมต บางครั้งสามารถแพร่ระบาดไปยังมนุษย์ได้ ส่วนใหญ่กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก 


การติดเชื้อในมนุษย์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1970 เป็นเด็กชายอายุ 9 ขวบในพื้นที่ห่างไกลของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิง ซึ่งอาจทำให้เป็นไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หนาวสั่น และเหนื่อยล้า


ในกลุ่มผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจเกิดผื่นและมีหนองขึ้นบนใบหน้า ฝ่ามือ และส่วนอื่น  ของร่างกาย


ไวรัสไม่ได้แพร่ระบาดระหว่างผู้คนได้โดยง่าย แม้เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งในร่างกาย แผลพุพอง และของต่าง  ที่ปนเปื้อนด้วยสารคัดหลั่งหรือแผล เช่น เสื้อผ้าและเครื่องนอน หรือผ่านละอองทางเดินหายใจ หลังพบปะกันเป็นเวลานาน ก็ตาม 


---พบใน 15 ประเทศทั่วโลก---


การติดเชื้อในนครนิวยอร์ก เกิดขึ้นหลัง WHO ระบุว่า มีผู้ป่วยราว 80 รายทั่วโลก พร้อมกับผู้ต้องสงสัยอีกประมาณ 50 ราย พร้อมเตือนว่า ผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก


โดยยืนยันการติดเชื้อแล้วใน 15 ประเทศทั่วโลกนอกภูมิภาคแอฟริกา รวมทั้งสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย อิสราเอล และเนเธอร์แลนด์ 


ตอนนี้ ผู้ป่วยปัจจุบันยังไม่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ” ดร.พอล บิดดิงเกอร์ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ภัยพิบัติแห่งโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี “ผู้คนควรตระหนักและเฝ้าระวังอาการ แต่ไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป


ในสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเป็นระยะ  ปีที่แล้ว รัฐเทกซัสและรัฐแมริแลนด์ ต่างรายงานกรณีของคนผู้ติดเชื้อที่เพิ่งเดินทางไปไนจีเรีย และในปี 2003 เกิดการระบาดใน 6 รัฐ ทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 47 คน


---ฝีดาษลิงไม่ใช่ไวรัสของลิง---


โรคฝีดาษลิงไม่ใช่ไวรัสของลิง” ดีแมท อาลิโอตา หัวหน้าโครงการโรคติดเชื้อไวรัสร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์ มหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวกับ Kare11 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “แต่เดิมมันถูกแยกออกจากลิง และลิงไม่ใช่โฮสต์ตามธรรมชาติ


มันเป็นไวรัสที่ติดเชื้อตามธรรมชาติในหนูขนาดเล็ก และส่งผ่านไปยังมนุษย์ผ่านรอยขีดข่วนหรือการล่าสัตว์ และการแปรรูปเนื้อสัตว์


ในช่วงไม่กี่วันมานี้ แพทย์ได้รับคำแนะนำให้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่าย และปรึกษาแผนกสาธารณสุขของรัฐหรือศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินของ CDC ทันที “ที่สงสัยว่าเป็นโรคฝีดาษลิง” และยังให้ข้อมูลการควบคุมการติดเชื้อแก่ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพด้วย


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุด้วยว่า โรคฝีดาษลิงนั้นแพร่เชื้อได้ยาก จึงง่ายต่อการควบคุมมากกว่าเชื้อโควิด-19


ทั้งนี้ รายงานของ CDC ระบุว่า ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงซึ่งมีระยะฟักตัวช้า สามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษที่มีอยู่แล้ว เพื่อควบคุมความรุนแรงของโรคได้ 

————

แปล-เรียบเรียงพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Getty Images


ข่าวแนะนำ