เกมแมวจับหนูเพิ่งจะเริ่มขึ้น ชาวยูเครนรับมือภัยคุกคามจากรัสเซียด้วยความสงบ แม้ชาติตะวันตกจะตื่นตูม
ชาวยูเครนทางพื้นที่ตะวันออก กำลังดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุข แม้ว่าจะมีคำเตือนจากชาติตะวันตกว่ารัสเซียจะบุกโจมตีเร็ว ๆ นี้
เหล่าเด็ก ๆ วิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ นักดนตรีร้องเพลงของวงพิงก์ฟลอยด์ภายใต้แดดลมหนาว กลุ่มวัยรุ่นหัวเราะคิกคัก ตอนพวกเขาลื่นล้มบนลานสเก็ตน้ำแข็ง มันก็เหมือนกับวันอื่น ๆ ทั่วไป ดูไม่เหมือนประเทศที่กำลังจะเผชิญการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบจากรัสเซีย
---รัสเซียพร้อมโจมตี?---
เมื่อวันอังคาร (15 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ผู้สังเกตการณ์ด้านป้องกันประเทศ กล่าวว่า ดูเหมือนรัสเซียจะเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์บางส่วนออกห่างจากพรมแดนยูเครน แต่ชาติตะวันตกยังคงยึดมั่นกับการประเมินภัยคุกคามในปัจจุบัน ที่เกิดขึ้นกับประเทศ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรมีความชัดเจนว่า การโจมตีจากรัสเซียสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องมีการแจ้งเตือน
ก่อนหน้านี้ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ บอกกับผู้นำชาติตะวันตกว่า มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว จะเกิดขึ้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจนำหน้าด้วยการโจมตีด้วยขีปนาวุธและการโจมตีทางไซเบอร์
---ชาติตะวันตกตื่นตูมเกินไป---
ทว่าการแจ้งเตือนทั้งหมด ต่างถูกเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ชาติตะวันตก แต่ชาวยูเครนทางพื้นที่ตะวันออกของเมืองมาริอูพอล ซึ่งห่างจากพื้นที่ความขัดแย้งที่มีอยู่แล้วเพียงแค่ 10 กิโลเมตร กำลังร้องเพลง และจัดปาร์ตี้ตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขาทานอาหารนอกบ้าน มีสัญญาณการกักตุนสินค้าเล็กน้อย และใช้ชีวิตตามปกติ
“มันรู้สึกเหมือนว่าชาติตะวันตกจะห่วงเรา มากกว่าตัวเราเองเสียอีก” อิกอร์ เชอร์ทอฟ รองหัวหน้าหน่วยยามชายฝั่งของเมือง ซึ่งกำลังลาดตระเวนบริเวณทะเลอาซอฟ กล่าว
แม้การโจมตีทางไซเบอร์จะเริ่มขึ้นในช่วงเย็นวันอังคาร (15 กุมภาพันธ์) โดยเว็บไซต์ธนาคาร 2 แห่ง และกระทรวงกลาโหมถูกระงับการใช้งาน แต่บรรดาชาวเมืองในมาริอูพอล ซึ่งมีประชากรมากกว่าครึ่งล้าน ยังคงอยู่ในความสงบ
ชาวยูเครนรู้ดีถึงภัยคุกคามจากยูเครน มีผู้สูญเสียชีวิตไปมากกว่า 1.4 หมื่นคน จากสงครามความขัดแย้งกับรัสเซีย ในทางตะวันออกของประเทศเมื่อปี 2014 แต่ผู้คนมากมายเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียแล้ว โดยเมืองมาริอูพอลก็ถูกควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเช่นกัน
---บางคนเตรียมแผนฉุกเฉิน---
อย่างไรก็ตาม แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่บางคนก็มีแผนฉุกเฉิน เข้ารับการฝึกฝนเพื่อเรียนรู้การฝึกรักษาบาดแผล และจับอาวุธปืน
แมรีนา เฮ็ทมาโนวา วัย 35 ปี ตัวแทนกลุ่มแพทย์ เตรียมกระเป๋าเดินทาง และเติมน้ำมันรถเต็มถัง เพื่อเตรียมพร้อมหนี หากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา
“ฉันไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ในรัสเซีย ฉันจะไปทางตะวันตกของยูเครน ไม่ก็โปแลนด์ หรือเยอรมนี ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันก็แค่ไม่อยากตาย” เธอ กล่าว
“การโจมตีอาจเกิดพรุ่งนี้ เมื่อวาน หรืออาจจะเกิดตอนนี้เลยก็ได้ คุณไม่มีทางรู้หรอก” เธอ กล่าว
ในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (15 กุมภาพันธ์) ไบเดนแสดงความสงสัยต่อคำกล่าวอ้างของรัสเซียว่า ได้มีการถอนทหารบางส่วนออกจากพรมแดนยูเครน และกล่าวว่า กองกำลังทหารรัสเซียยังคงอยู่ใน ‘สถานะของการคุกคาม’
---ยูเครนไม่มีการเตรียมพร้อม---
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า แม้เขาจะเชื่อว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามที่จะโจมตีประเทศของเขา แต่ความน่าจะเป็นของการบุกรุกในเวลาอันใกล้นี้จากการประเมินของชาติตะวันตกดูจะเกินจริงไป และรัฐบาลของเขายังประกาศว่า วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็น ‘วันสามัคคี’ ส่งเสริมให้ประชาชนโบกธงปลิวไสว และร้องเพลงชาติ มากกว่าจะถูกกลืนกินด้วยความหวาดกลัว
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการฝึกอบรมหน่วยทหารกองหนุนพลเรือน เพื่อรับมือหากเกิดความจำเป็นของยูเครน ก็มีการดำเนินการเพียงเล็กน้อย เพื่อเตรียมพร้อมประชาชน ให้ทำในสิ่งที่ควรทำ เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
“ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไร หากเกิดสงครามขึ้น ไม่มีการเตรียมพร้อม ผู้คนจำนวนมากไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง และภัยคุกคามดูน่าเชื่อถือ” ปีเตอร์ ซัลมาเยฟ ผู้อำนวยการโครงการริเริ่มประชาธิปไตยยูเรเซีย กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมืองมาริอูพอล เสี่ยงถูกโจมตีจากทั้ง 3 ฝั่ง โดยรัสเซียอยู่ทางตอนเหนือ, อาณาเขตที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางด้านตะวันตก และทะเลอาซอฟทางตะวันออก ซึ่งยูเครนและรัสเซียใช้พื้นที่ร่วมกัน
ผู้จัดการหลุมหลบภัยของเมืองแห่งหนึ่ง กล่าวว่า มีการเตรียมเสบียงอาหารและน้ำน้อยมาก เพราะมีประชาชนไม่กี่คน ที่คาดหวังจะพึ่งพิงหลุมหลบภัยนี้ หลายแห่งไม่ได้ถูกใช้มานาน จนมันกลายเป็นสปา ไม่ก็ร้านอาหารไปแล้ว
---การเจรจาทางการทูต---
การพูดคุยร่วมกับ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อวันอาทิตย์ (13 กุมภาพันธ์) ปูติน กล่าวว่า รัสเซียพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ และนาโต เกี่ยวกับข้อจำกัดในเรื่องของการติดตั้งขีปานาวุธ และความโปร่งใสทางทหาร แต่เขาต้องการให้ปัญหานาโต-ยูเครนได้รับการแก้ไขในทันที และการรับรองจากชาติตะวันตกยังไม่เป็นที่น่าพอใจ
รัสเซียยังได้มีการกดดันให้มีการยับยั้งการเป็นสมาชิกกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคงของยูเครนตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว และสะสมกองกำลังทหารมากกว่า 1 แสนนายใกล้กับพรมแดนของประเทศ และไครเมีย ซึ่งรัสเซียได้ทำการผนวกตั้งแต่ปี 2014
แม้จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่องของผู้นำชาติตะวันตก เพื่อลดระดับความตึงเครียด แต่ก็มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำอย่างน้อย 20 เครื่องได้บินออกจากยูเครนในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจและผู้มีอำนาจที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ
ขณะที่ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ ต่างให้คำแนะนำกับพลเมืองในการเดินทางออกจากยูเครน และได้ย้ายฐานปฏิบัติการบางส่วนไปอยู่ทางตะวันของยูเครน พร้อมกับอพยพเจ้าหน้าสถานทูต
---รัสเซียคือเพื่อนบ้าน---
แหล่งข่าวแนวหน้าของเมืองมาริอูพอล กล่าวกับสำนักข่าว Aljazeera ว่า เห็นเครื่องบินขับไล่ของรัสเซีย บินลาดตระเวนเมื่อวันอังคาร (15 กุมภาพันธ์) นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยก่อนหน้านี้ มีเครื่องบินพาณิชย์ไม่กี่ลำที่บินเหนือพื้นที่ตะวันออกของยูเครน นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ยิงเครื่องบินของ Malaysia Airlines MH17 ตกในพื้นที่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เมื่อปี 2014
แต่สำหรับประเทศที่ผ่านสงครามมานับ 8 ปีแล้ว การมองรัสเซียในฐานะเพื่อนบ้านอาจเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่ การสนับสนุนของชาติตะวันในรูปแบบของทางการทูตและทางทหารได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวาง แต่คำเตือนของการโจมตีที่จะเข้ามาใกล้เร็ว ๆ นี้ ถูกมองว่าเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’
ปูติน กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะบุกยูเครน และกล่าวว่า “ไม่ต้องการให้เกิดสงครามในยุโรป”
อย่างไรก็ตาม หลายคนเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างยูเครน จะเป็นสถานการณ์ที่ยืดเยื้อค่อนข้างยาวนาน
“นักวิเคราะห์ท้องถิ่นหลายคน ไม่เชื่อว่า เป้าหมายของปูตินคือการบุกรุกยูเครน การวิเคราะห์ที่สมเหตุสมผลที่สุด คือคาดว่า วิกฤตนี้จะอยู่ได้นานสุดคือปี 2022” ซัลมาเยฟ กล่าว
“สิ่งนี้อาจจะยังคงอยู่ต่อไป…เกมแมวจับหนูนี้ มันเพิ่งแค่เริ่มต้น” เขา กล่าว
—————
แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์
ภาพ: Umit Bektas / Reuters