สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นสมรภูมิใหญ่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2?

รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังหารือกับประเทศผู้ส่งออกพลังงานหลักๆของโลก และบริษัททั่วโลก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะส่งพลังงานมาให้ยุโรป หากรัสเซียบุกยูเครน

เจ้าหน้ารัฐบาลสหรัฐฯ ที่ไม่เปิดเผยนามระบุกับสำนักข่าว Reuters ว่า การหารือนั้นเกี่ยวกับการปกป้องซัพพลายด้านพลังงานของยุโรปที่หลากหลาย รวมไปถึงการหารือกับผู้ขายก๊าซแอลเอ็นจีด้วย

สหรัฐฯ กำลังดูว่าจะมีก๊าซธรรมชาติที่ไม่ได้มาจากรัสเซีย แต่มาจากส่วนอื่น ๆ ของโลก เพิ่มเติมอีกเท่าไหร่ เช่น จากแอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง เอเชีย และจากสหรัฐฯเอง

ทั้งนี้ ยุโรปนั้นพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียราวหนึ่งในสาม ของทั้งหมดที่ใช้ ซึ่งหากเกิดการติดขัดเรื่องการนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย จะยิ่งซ้ำเติมวิกฤตพลังงานของยุโรปที่เกิดขึ้นในเวลานี้อยู่แล้ว

---NATO เตรียมเสริมกำลังสู้รัสเซีย---

สถานการณ์ยังคงตึงเครียดอยู่ โดยองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO กล่าวว่า ได้วางกองกำลังเตรียมพร้อมและเสริมความแข็งแกร่งให้กับยุโรปตะวันออกด้วยเรือ และเครื่องบินรบเพิ่ม เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนติยูเครน

ทำเนียบเครมลินตอบโต้ว่า ไม่ได้มีแผนโจมตียูเครน และการกระทำของสหรัฐฯ และ NATO นั้นทำให้เกิดวิกฤต ไม่ใช่เป็นเพราะรัสเซียเสริมทหาร

เมื่อวันจันทร์ (25 มกราคม) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศให้ทหาร 8,500 นายเตรียมพร้อมขั้นสูง ที่จะเข้าไปประจำการในยุโรปตะวันออก หากรัสเซียบุกยูเครน แต่ทำเนียบขาวยืนยัน สหรัฐฯยังไม่มีแผนส่งทหารเข้าไปในยูเครน ซึ่งไม่ใช่สมาชิกของนาโต้

ตอนนี้ นาโต้วางกำลังทหารนานาชาติแล้วราว 4,000 นาย ในเอสโตเนีย ลิธัวเนีย ลัตเวีย และโปแลนด์ พร้อมด้วยรถถัง การป้องกันทางอากาศ และหน่วยข่าวกรองและลาดตระเวณ

---ชี้เป็นภัยร้ายแรงนับแต่ WWII---

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เตือนถึงผลลัพธ์ที่ใหญ่หลวงที่อาจเกิดต่อโลก หากรัสเซียบุกยูเครน หลังส่งทหารประชิดยูเครนกว่า 1 แสนนาย และดำเนินการซ้อมรบใหญ่ไม่หยุด

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า ไบเดนจะคว่ำบาตรประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไหม ซึ่งไบเดนตอบว่า เขาจะทำ หากรัสเซียบุกยูเครนจริง ๆ เพราะจะถือเป็นการรุกรานประเทศครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ประกาศว่า ชาติตะวันตกจะตอบโต้การรุกรานยูเครน ด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียขนานใหญ่ พร้อมชี้ว่า อังกฤษพร้อมส่งทหารเข้าไปคุ้มครองพันธมิตรของ NATO ในภูมิภาค

ขณะที่ เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเตือนเบลารุส หากเบลารุสอนุญาตให้รัสเซีย ใช้ดินแดนของตนเอง เพื่อการโจมตียูเครน เบลารุสก็จะเผชิญการตอบโต้ทันทีและเด็ดขาดจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเช่นกัน

เขากล่าวว่า หากการรุกรานนั้นดำเนินการมาจากเบลารุส หากทหารรัสเซียประจำการถาวรในแผ่นดินเบลารุส NATO ก็ต้องประเมินการวางกำลังของ NATO ในประเทศรอบ ๆ เบลารุสเช่นกัน

ทั้งนี้ อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส คือพันธมิตรของประธนาธิบดีปูติน และเมื่อเดือนที่แล้ว เขาประกาศว่ารัสเซียจะซ้อมรบร่วมกับเบลารุส ทำให้สหรัฐฯเตือนว่า อาจจะมีการนำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาในเบลารุส

---ยุโรปหาทางลดความตึงเครียด---

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส และนายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี หารือกันที่กรุงเบอร์ลินในวันอังคาร (26 มกราคม) โดยนายมาครงกล่าวว่า เขาจะขอความชัดเจนเรื่องเจตนาของรัสเซียเรื่องยูเครน ระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้

ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศส กล่าวย้ำว่า รัสเซียจะต้องเจอกับบทเรียนราคาแพงหากโจมตียูเครน

ขณะที่วันพุธนี้ เจ้าหน้าที่ของรัสเซีย ยูเครน เยอรมนี และฝรั่งเศส จะพบกันที่กรุงปารีส เพื่อหารือกันแบบที่เรียกว่า ‘Normandy Format’ เพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งในยูเครนตะวันออก ระหว่าง กองทัพรัฐบาลยูเครนและกลุ่มกบฎโปรรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม โชลซ์ ได้กล่าวปกป้องการตัดสินใจของเยอรมนี ที่ไม่ยอมทำตามชาติตะวันตกอื่น ๆ ในการส่งอาวุธไปให้ยูเครนเพื่อป้องกันตนเอง โดยอ้างว่าเหตุผลทางประวัติศาสตร์ทำให้เยอรมนีต้องระมัดระวัง

—————

แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง

ภาพ: Reuters